โควิด-19 คร่าชีวิตพลเมืองโลกไปแล้วกว่า 4 ล้านศพ ในขณะที่อินโดนีเซียนเจอวิกฤติเชื้อร้ายแพร่ไปทุกเมือง ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเกินพันคนต่อวัน ส่วนเวียดนาม ทั้ง"ฮานอย-โฮจิมินห์"ใช้มาตรการเข้ม หลังมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
          สำนักข่าวต่างประเทศ  รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของ ไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประจำวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ผู้ติดเชื้อรวม  187,615,670 คน ผู้เสียชีวิตรวม 4,048,863 คน
          ด้านกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียรายงานสถิติผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 2,527,203 คน เพิ่มขึ้น 36,197 คน หายป่วยเพิ่มขึ้น 32,615 คน และยังมีผู้ติดเชื้อต้องรักษาตัวอยู่ในระบบอีกอย่างน้อย 376,015 คน อย่างไรก็ตาม สถิติผู้เสียชีวิตจากโรค โควิด-19 ในอินโดนีเซียสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 66,404 ราย โดยมีการยืนยันผู้เสียชีวิต 1,007 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด เป็นสถิติรายวันสูงสุดอันดับสอง ต่อจากสถิติผู้เสียชีวิต 1,040 ราย เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา
          ขณะเดียวกัน ประเทศเวียดนามจะเริ่มใช้มาตรการจำกัดการเดินทางที่เมืองเกิ่นทอ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เป็นเวลา 14 วันนับตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่ กำลังรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งรุนแรง
          กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1,953 คน ถือเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกันที่พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันมากกว่า 1,000 คน และเพิ่มขึ้นจากวันเสาร์ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ 1,853 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 29,800 คน และผู้เสียชีวิต 116 คน ทั้งนี้ เวียดนามพบผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่ ในนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศ ในตอนนี้
          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเวียดนามระบุในแถลงการณ์ว่า เมืองเกิ่นทอ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 169 กิโลเมตร และมีประชากรราว 1.23 ล้านคน พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 7 คนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการเวียดนามเริ่มใช้มาตรการจำกัดการเดินทางในหลาย เมืองใหญ่ เช่น นครโฮจิมินห์ที่เป็นศูนย์กลางการค้าและกรุงฮานอย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน
          ด้าน กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเริ่มใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งที่ 4 ในวันนี้ มีผลไปจนถึงวันที่ 22 สิงหาคม ครอบคลุมช่วงเวลาของการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่ถูกเลื่อนมาจากปีก่อน รัฐบาลนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หวังควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ด้วยการจำกัดการเดินทางของผู้คนช่วงการแข่งขันโอลิมปิกระหว่าง วันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคม และช่วงวันหยุดกลางเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ดี ประชาชนบางคนกังวลว่า ยอดผู้ติดเชื้อใหม่จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี แม้ห้ามคนเข้าชมการแข่งขันโอลิมปิก บางคนไม่พอใจที่รัฐบาลใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งใหม่โดยไม่ชี้แจงเหตุผลอย่างเพียงพอ บางคนต้องการให้มีมาตรการระยะสั้น เช่น เร่งการฉีดวัคซีน หลังจากรัฐบาลระงับคำขอฉีดในที่ทำงานตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเพราะเกรงว่าจะจัดหาวัคซีนได้ไม่ทัน
          นอกจากกรุงโตเกียวแล้ว ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดโอกินาวะและกึ่งสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดชิบะ ไซตามะ คานางาวะ และโอซากาที่สิ้นสุดเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมาก็ขยายไปจนถึงวันที่ 22 สิงหาคมเช่นเดียวกัน ส่วนประกาศกึ่งสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดฮอกไกโด ไอจิ เกียวโต เฮียวโงะ และฟูกุโอกะไม่มีการขยาย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินห้ามร้านอาหารจำหน่ายสุราและต้องปิดร้านภายในเวลา 20.00 น. ขณะที่ประกาศกึ่งสถานการณ์ฉุกเฉินอนุญาตให้จำหน่ายได้จนถึงเวลา 19.00 น. หากทางการ ท้องถิ่นอนุมัติ
          ส่วนไต้หวันฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ประชากรแล้วร้อยละ 14 ขณะที่บริษัทใหญ่ของไต้หวัน 2 แห่งบรรลุข้อตกลง ซื้อวัคซีนของไบโอเอ็นเทคแล้ว 10 ล้านโดส เพื่อบริจาคให้รัฐบาลนำไปฉีดให้ประชาชน
          ศูนย์ควบคุมโรคไต้หวันแจ้งว่า มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มแล้วกว่า 3 ล้าน 4 แสน 8 หมื่นคน จากประชากรทั้งหมดกว่า 23 ล้าน 8 แสน 6 หมื่นคน และนับจากนี้ช่องทางหลักในการจองฉีดวัคซีนจะเป็นการลงทะเบียนออนไลน์ เปิดให้แก่กลุ่มคนอายุ 18-64 ปี ที่มีความเสี่ยงสูงหรือเป็นโรคพบได้ยากหรือบาดเจ็บสาหัส และกลุ่มคนอายุ 50-64 ปี ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันขอให้ประชาชนสองกลุ่มนี้จองฉีดวัคซีนผ่านระบบและสามารถเลือกชนิดวัคซีนได้ โดยจะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด