HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 22/06/2564 ]
อินเดียเผชิญเชื้อราดำซ้ำเติมผู้ป่วยโรคโควิด

  อินเดียวิกฤติซ้ำ โรคเชื้อราดำ ระบาดในผู้ติดเชื้อโควิด-19 พบส่วนใหญ่มีประวัติป่วยและมีโรคประจำตัวมาก่อน ด้านมาเลเซีย ถกสิงคโปร์และชาติอื่นๆ ให้ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศได้ หลังจากฉีดวัคซีนครบโดส ส่วนเวียดนาม รับวัคซีนซิโนฟาร์มจากจีน 5 แสนโดส ขณะที่สหรัฐ ยืดเวลาปิดพรมแดน
          เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน เว็บไซต์ ซีบีเอสนิวส์ของสหรัฐอเมริกา รายงานโดยอ้างกระทรวงสาธารณสุขอินเดียว่า พบผู้ป่วยโรคเชื้อราดำ กว่า 28,000 คน ร้อยละ 85 มีประวัติติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน เสี่ยงเป็นโรคเชื้อราดำที่ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายเป็นสีดำ โดยมักเกิดกับเนื้อเยื่อจมูก ตา และสมอง ซึ่งเชื้อจะปนเปื้อนในดิน ปุ๋ย ผัก ผลไม้ที่เน่าเสีย สถานที่อับชื้น ผู้ติดเชื้อมีอัตราเสียชีวิตสูง ซึ่งผลการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) พบว่าช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2563 อินเดีย พบผู้ติดเชื้อราดำ เพิ่มขึ้น 2.1 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
          ด้าน นสพ.นิวยอร์กไทม์ อ้าง ผู้เชี่ยวชาญว่า การใช้ยาสเตียรอยด์มากเกินไปในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจทำให้มีผู้ป่วยโรคเชื้อราดำ เพิ่มขึ้น เนื่องจากเพียง 3 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่ยังมีน้อยมาก เพิ่มเป็น 30,000 คน ในสถานการณ์ที่การระบาดของไวรัสดังกล่าวในอินเดีย ยังรุนแรง และขาดแคลนออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยหนักทำให้แพทย์ตัดสินใจใช้สเตียรอยด์ลดอาการปอดอักเสบ และหายใจลำบากของผู้ป่วย จนทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงติดเชื้อราดำง่ายขึ้น
          ส่วนเว็บไซต์เดอะสตาร์ของมาเลเซีย รายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีประสานงาน โครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แห่งชาติ ว่าทางการกำลังหารือกับสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศ ให้การยอมรับแอปพลิเคชั่นมีเซอจาห์เตรา เพื่อให้ชาวมาเลเซียเดินทางระหว่างประเทศได้ สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว สถานะในแอปฯ ดังกล่าวจะเป็นสีเหลือง เป็นการออกใบรับรองการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซีย กำลังศึกษาลำดับพันธุกรรมเชื้อไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นการป้องกันการติดเชื้อหรือไม่
          ขณะที่ ดร.อาดัม บาบา รัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย เผยว่า มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา 1.61 ล้านคน และได้รับการฉีด 1 เข็ม 4.2 ล้านคน โดยขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,293 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 696,400 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 60 คน รวมเสียชีวิตแล้ว 4,408 คน
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเวียดนาม ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มที่จีนบริจาคให้ 5 แสนโดส โดยวัคซีนดังกล่าวจะนำไปฉีดให้คนงานชาวจีนที่ทำงานในเวียดนาม รวมทั้งชาวเวียดนามที่มีแผนจะไปทำงานหรือศึกษาต่อที่จีน ทั้งนี้ เวียดนามอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีความจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนเร่งด่วนเพราะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่มีประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม เพียงร้อยละ 2.3 ของประชากรทั้งหมด
          วันเดียวกัน ที่ประเทศบราซิล มีรายงานว่าประชาชนบนเกาะปาเกตา ชายฝั่งนครริโอเดอจาเนโร ได้รับวัคซีนต้าน ไวรัสโควิด-19 เข็มแรกของแอสตราเซเนกา หลังจากรัฐบาลบราซิล พยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้พลเมือง โดยคาดว่าประชาชน บนเกาะดังกล่าว 3,530 คน จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยปัจจุบันบราซิล มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 500,000 คน
          อีกด้านหนึ่ง กระทรวงความมั่นคง แห่งมาตุภูมิสหรัฐ แถลงว่า กำลังหารือร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในทำเนียบขาว แคนาดาและเม็กซิโก ว่าสามารถผ่อนคลายมาตรการอย่างปลอดภัยและยั่งยืนได้ภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง ซึ่งสหรัฐขยายระยะเวลาปิดพรมแดนสำหรับการเดินทางที่ไม่จำเป็นออกไปอีก 30 วัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันเดียวกันนี้ หลังจากแคนาดา ประกาศขยายมาตรการจำกัดการเดินทางเช่นเดียวกัน
          ทั้งนี้ สมาชิกสภาสหรัฐ และชุมชนตามพรมแดนที่ได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการจำกัดการเดินทางผลักดันให้ทางการผ่อนคลายมาตรการก่อนที่จะถึงเทศกาลท่องเที่ยวในฤดูร้อนนี้ ด้านรัฐบาลแคนาดาก็ถูกกดดันจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน โดยนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ยืนยันหนักแน่นว่าจะปิดพรมแดนส่วนใหญ่จนกว่าชาวแคนาดาจะฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ 75 และฉีดครบ 2 เข็ม แล้วร้อยละ 20
          ปัจจุบันสหรัฐ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 34 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 617,100 คน เม็กซิโก มียอดติดเชื้อสะสมกว่า 2.47 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 231,100 คน และแคนาดา มียอดติดเชื้อสะสมกว่า 1.4 ล้านคน เสียชีวิต รวมกว่า 26,000 คน


pageview  1205104    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved