HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 13/05/2564 ]
ไฟเขียวปชช.วอล์กอินฉีดวัคซีนมติกก.วัคซีนแห่งชาติ ปูพรมฉีดเข็มแรกทั่วประเทศ

  เริ่มฉีดมิ.ย.-เคาะ3ช่องทางจองคิวหมอพร้อม-นัดเป็นกลุ่ม-วอล์กอินบิ๊กตู่ปลุกร่วมฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่  ไทยติดโควิด1,983/โคม่า1,226รายเสียชีวิตทำสถิติใหม่วันเดียว 34ศพ
          ไทยติดโควิดใหม่ 1,983 ราย สะสม 88,907 ราย  ตายนิวไฮครั้งแรก 34 ศพ สะสม 486 ราย อยู่ระหว่างรักษา 29,378 ราย อาการหนัก 1,226 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 401 คน ศบค.ห่วงโคม่า-ใช้เครื่องช่วยหายใจ พุ่งต่อเนื่อง กทม.ยังแชมป์ เขตวัฒนา สะสมสูงสุด สั่งเร่งตรวจเชิงรุก-ฉีดวัคซีนให้ จนท.ขนส่งสาธารณะ ลดเชื้อกระจาย  ศบค.เร่งกระจายวัคซีนให้ครบทั่ว ปท.ขีดเส้น กันยายนต้องได้ จว.ละ 70% ส่วน กก.วัคซีน แห่งชาติ เคาะจองคิวฉีดวัคซีน 3 รูปแบบ ไฟเขียวเพิ่มช่อง Walk In ให้จังหวัดที่พร้อม เริ่มได้ทันที สธ.ยันเดินหน้าหาเพิ่มให้ได้ 150 ล้านโดส ในปี'65 "นายกฯ" ตรวจความพร้อมจุดฉีดวัคซีนนอกรพ.ในห้าง เซ็นทรัลลาดพร้าว วันแรก ฉีดกลุ่มเป้าหมาย บุคลากรด่านหน้า-อาชีพเสี่ยง เล็งจับมือเอกชน ขยายให้ครบ 25 แห่ง ลดแออัด ลั่นปูพรมฉีดเข็มแรกทั่วไทยเดือนมิ.ย. ปลุก ปชช.ทำลายความกลัวฉีดให้มาก สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศ
          เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ที่มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่จะเริ่มขึ้นทั่วประเทศ
          ไทยติดเชื้อ1,983/ตายนิวไฮ34คน
          พญ.อภิสมัยแถลงว่า วันนี้ไทยมีผู้ติด เชื้อใหม่ 1,983 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,974 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,328 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 646 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ข้ามแดนมาจากกัมพูชาและลาวประเทศละ 2 ราย เป็นการข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงลาดตระเวนเข้มงวด และมีข้อมูลมีการ ข้ามแดนลักษณะนี้วันละ 100 ราย จึงฝากประชาชนเป็นหูเป็นตา ร่วมแจ้งเบาะแสให้ภาครัฐด้วย ทำให้ขณะนี้ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 88,907 ราย หายป่วยสะสม 59,043 ราย อยู่ระหว่างรักษา 29,378 ราย อาการหนัก 1,226 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 401 ราย
          ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 34 ราย ถือเป็นตัวเลขสูงสุด เป็นชาย 16 ราย หญิง 18 ราย อยู่ในสมุทรปราการ 13 ราย เป็นตัวเลขสะสมตลอดสัปดาห์ กทม. 10 ราย นครปฐม ปทุมธานี จังหวัดละ 2 ราย สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบูรณ์ ชลบุรี นครนายก สระแก้ว จังหวัดละ 1 ราย ส่วนปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว มีภาวะอ้วน และเป็นผู้สูงอายุ รวมถึงโรคปอดเรื้อรัง มีข้อมูลว่าผู้ที่สูบบุหรี่ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าคนปกติถึง 14 เท่า ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 486 ราย
          ศบค.ห่วงยอดป่วยหนักไม่ลด-ตายพุ่ง
          พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า จากข้อมูล ผู้ป่วยอาการหนักตั้งแต่วันที่ 1-11 พฤษภาคม จะเห็นตัวเลขไม่ลดลงเลย มีทิศทางพุ่งขึ้นตลอด แม้จะไม่ชันแต่เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง และจากตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มขึ้นสะท้อนไปที่ผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจและ ผู้เสียชีวิต ที่จะเป็นเส้นขนานกันไป ดังนั้น คนที่ทราบว่าตัวเองใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงอย่ารอจนมีอาการ เมื่อทราบแล้วให้รีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน ไปรายงานประวัติความเสี่ยง เพื่อจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย
          เร่งฉีดวัคซีนจนท.ภาคขนส่ง
          สำหรับข้อมูลผู้ติดเชื้อวันนี้ พญ.อภิสมัยระบุว่า กทม.และปริมณฑล มีผู้ติดเชื้อรวมกัน ถึง 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ ขณะที่ 5 เขตในกทม.มีผู้ติดเชื้อสะสมมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ วัฒนา ดินแดง ห้วยขวาง คลองเตย และบางเขน ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก สำนักอนามัย กทม.รายงานว่า ได้วางมาตรการเพิ่มเติมในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากพบบุคลากรในขนส่งสาธารณะ ทั้งพนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสาร คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ รวมถึงเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในระยะหลัง จึงเสนอให้ฉีดวีคซีนให้กลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่ง กทม.ได้ดำเนินการแล้ว ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว
          คนใกล้ชิดพ่อค้าพลอยเร่งตรวจเชื้อ
          พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กหารือถึงคลัสเตอร์ตลาดค้าพลอย จ.จันทบุรี ที่พบผู้ป่วยรายแรกเป็นหญิงชาวกินี อายุ 21 ปีตั้งครรภ์ ตรวจพบเชื้อก่อนไปผ่าคลอดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม จึงสอบสวนโรคคนใกล้ชิดคือ สามีชาวกินี อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นนักธุรกิจค้าพลอย ที่เดินทางไปมาที่ตลาดค้าพลอย จ.จันทบุรี และมาค้าขายพลอยที่ย่านบางรัก ทำให้ตรวจเชิงรุกในตลาดค้าพลอย 992 ราย พบเชื้อ 137 ราย และจากการตรวจสายพันธุ์ของชายชาวกินี ไม่ใช่สายพันธุ์แอฟริกา อย่างไรก็ตาม จากการสอบประวัติชายคนดังกล่าว พบว่าเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันละ 5 เวลา ถือเป็นการรวมกลุ่ม ดังนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่าใกล้ชิด กับชายคนนี้สามารถเดินทางเข้าตรวจเชื้อ โควิด-19 ได้ ทั้งนี้ ทางจุฬาราชมนตรีได้ออกมาตรการป้องกันการระบาดในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด อีฎิ้ลฟิตรี โดยขอให้งดการละหมาดที่มัสยิดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ส่วนจังหวัดอื่นให้ใช้มาตรการป้องกันสูงสุด
          ฉีดวัคซีน1.8ล.โดส-ก.ย.เข็ม1ต้องได้70%
          พญ.อภิสมัยยังกล่าวถึงการฉีดวัคซีน ว่า ที่ประชุม ศบค.ยังสรุปเรื่องการฉีดวัคซีน โดยกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและ นวัตกรรม(อว.)รายงานว่า วันที่ 10 พฤษภาคม ยอดคนฉีดวัคซีนไปแล้ว 1,809,894 โดส แยกเป็นเข็มสอง  มีประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้ว 513,454 ราย และสัปดาห์นี้จะระดมฉีดในกลุ่มอาชีพสาธารณะ ผู้ขับขี่รถ เรือ เครื่องบิน ครู พนักงานเก็บขยะ ฉีดพร้อมกับผู้สูงอายุ และผู้มีประวัติมีโรคประจำตัว วันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ย้ำนโยบายที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ก่อนหน้านี้คือ คนไทย 70% จะได้รับวัคซีน ภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยรวมแล้วคือ ประชาชน 50 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนเตรียมไว้ 100 ล้านโดส และเป็นคนที่กำหนดมาตรฐาน โดยเน้นย้ำกระทรวงมหาดไทยถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ให้กระจายวัคซีนให้ได้ตามแผน ดังนั้น ตอนนี้ทุกจังหวัดเริ่มมาตรการนี้แล้ว โดยแยกตามประชากรแต่ละจังหวัด รวมถึงประชากรแฝงในพื้นที่ คร่าวๆ เดือนกันยายน ทุกจังหวัดจะฉีดแล้วเสร็จ 70% และเก็บเข็มที่สองให้ทันในเดือนธันวาคม
          เคาะ3รูปแบบจองคิวฉีดวัคซีนเริ่มมิ.ย.
          วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แถลงหลังประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุมรับทราบนโยบายของนายกฯในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอฉีดประชาชนทุกคน โดยให้จัดหา 3 แนวทาง 1.ให้หาวัคซีนโควิดเพิ่มจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ในปี 2565 2.เร่งทำงานเชิงรุกเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนมากรายที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสรับวัคซีน และให้ครอบคลุมสายพันธุ์อื่น สายพันธุ์กลายพันธุ์หากทดลองวิจัยแล้ว และ 3.ปรับแนวทางฉีด วัคซีนให้ปูพรมเข็มแรกกับประชาชนมากที่สุด ลดโอกาสติดเชื้อ ลดความรุนแรง และเสียชีวิต
          นายอนุทินกล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนจะเริ่มเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปและมี 3 รูปแบบ คือ 1.รูปแบบนัดผ่านไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น "หมอพร้อม" หรือแอปพลิเคชั่นที่รัฐบาลจะจัดให้ 2.นัดเป็นกลุ่มก้อน เช่น อสม. หรือองค์กรภาครัฐและเอกชน และ 3.ปูพรมเรื่อง Walk In ซึ่งรายละเอียดกรมควบคุมโรค จะดำเนินการ โดยให้พื้นที่หรือจังหวัด มีผู้ว่า ราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.)ดำเนินการ
          Walk In ฉีดจว.ไหนพร้อมลุยทันที
          ผู้สื่อข่าวถามกรณีฉีดวัคซีนโควิด Walk In เริ่มเดือนพฤษภาคมหรือต้องเริ่มมิถุนายน นายอนุทินกล่าวว่า นโยบายที่ตนลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมศูนย์วัคซีน คำถามแรกคือ รับนัดก่อน หรือใครมาก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ทุกรูปแบบ จึงย้ำกับทุกคนว่า โอเค แต่ขอให้พิจารณา Walk In และต้องจัดวัคซีนให้พอ และอำนวยการความสะดวกให้มากที่สุด พื้นที่ไหนพร้อมก็เริ่มได้ อย่าง กทม.ขอวัคซีนมา 1 ล้านโดส แต่การบริหารจัดการอยู่ที่พื้นที่ ซึ่งจะประกาศว่าจะให้บริการอย่างไร สิ่งสำคัญคือ การ Walk In อาจไม่ได้ทุกคน หากบางศูนย์มีคนมารับบริการมาก แต่พยายามทำให้สะดวกสบายมากที่สุด สรุปคือ การ Walk In รับวัคซีนโควิดทำได้ทั่วประเทศ อยู่ที่แต่ละจังหวัดพิจารณาจะเริ่มอย่างไร เพราะ การบริหารภายใต้ ศบค. จะจัดลำดับขั้นตอนการบริหาร โดยสธ. มีหน้าที่หลักจัดหาวัคซีน เพื่อให้แต่ละพื้นที่ไปบริหารจัดการกันแต่ละพื้นที่เอง
          ตั้งเป้าทุกจว.ปูพรมฉีดให้ได้70%
          ขณะที่นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยอยากฉีดวัคซีน ก็อยากอำนวยความสะดวก  จึงจัดบริการรูปแบบ Walk In โดยกรมควบคุมโรคประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งคร.จะระบุเป้าหมายการฉีดแต่ละจังหวัด ภาพรวมให้แต่ละจังหวัดครอบคลุม 70% ของประชากร แต่การกระจายจะไม่มากเท่ากรุงเทพฯและปริมณฑล  คำว่า ปูพรมคือ ฉีดทุกคนในพื้นที่ที่สมัครใจให้มากที่สุด ซึ่งการ Walk In จะสอดคล้องกับปูพรม คนที่โหลดจองผ่านแอปพลิเคชั่นได้ก็ดี จะได้ทราบวันเวลาชัดเจน แต่กรณีคนที่ทำไม่ได้ และคนที่จำเป็น เช่น คนขับแท็กซี่ คนขับรถโดยสารสาธารณะ เขาอยากฉีด แต่ละจังหวัดจะกำหนดพื้นที่ เช่น กทม. ประกาศจุดฉีดวัคซีน รายละเอียดเป็นที่แต่ละจังหวัดไปดำเนินการออกประกาศออกมา
          กางสัดส่วนฉีด30:50:20-เน้นใช้ที่โล่ง
          "สำหรับสัดส่วนการฉีด เบื้องต้นจะใช้สูตร 30 : 50 : 20 แต่สูตรนี้ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เช่น มี 1,000 โดส อาจเป็นตามนัดจากแอปพลิเคชั่น 30% จากรพ. 50% และจาก Walk In อีก 20% แต่ละจังหวัดอาจปรับไม่เหมือนกัน ซึ่งในมุมมองประชาชน อย่างหากอยู่กทม. ท่านรู้ว่ามีจุดไหนก็ไปจุดนั้น แต่หากใช้แอปฯได้ก็สะดวกระบุถึงวันเวลา สถานที่ได้"นพ.โอภาส กล่าวและย้ำว่า Walk In เหมาะสมกับพื้นที่โล่ง ทั้งนี้ ต้องรอประกาศแต่ละจังหวัด ส่วนกำหนดเวลาดำเนินการนั้น เริ่มได้เลย ถ้าจังหวัดไหนพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้มากที่สุด ส่วนการติดตามอาการหลังฉีดจะมีบันทึกข้อมูลไว้อย่างฉีดเสร็จแล้วให้โหลด"หมอพร้อม"ไว้ ถ้าใครไม่สะดวก หน่วยบริการจะการคีย์ข้อมูลทุกอย่างให้เป็นเอกสารเช่นกัน เพราะเมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จะมีใบรับรองฉีดวัคซีนครบโดสให้
          พร้อมฉีดเดลิเวอรี่กลุ่มพิการ-ติดเตียง
          ถามถึงกรณีพนักงานหรือโรงงานต้องรับบริการอย่างไร นพ.โอภาสชี้แจงว่า กรณีเป็นโรงงาน เช่น 1 พันคน จะเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก หากต้องการฉีดพร้อมกันให้ติดต่อหน่วยบริการในพื้นที่ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ เช่นเดียวกับ กลุ่มคนพิเศษ หรือเด็กออทิสติก กรมสุขภาพจิตจะดำเนินการ ร่วมกับสถาบันราชานุกูล จะเชิญเด็กกลุ่มนี้กับครอบครัวมาฉีดพร้อมกัน รวมถึงกลุ่มคนด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ติดเตียงจะมีเดลิเวอรี่ไปฉีดให้ถึงที่ ซึ่งจะเป็นลำดับถัดไป
          บิ๊กตู่ตรวจฉีดวัคซีนนอกรพ.จุดแรก
          ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับภาคเอกชน ซึ่งเป็นการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการแห่งแรก ที่สกายฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นการทดลองระบบฉีดให้บุคลากรด่านหน้าและกลุ่มอาชีพที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ยังไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับบริการ สามารถรองรับได้ประมาณ 2,000 คน/วัน  จุดนี้มีแพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาให้บริการ โดยใช้วัคซีน ซิโนแวคยี่ห้อเดียว และเวลา 13.35 น. วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมผู้ว่าฯ กทม.เดินทางไปตรวจเยี่ยมการให้บริการ จากนี้กทม.และภาคเอกชนจะทยอยเปิดพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนจุดอื่น เพิ่มเติมรวม 14 จุด ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ก่อนขยายพื้นที่ฉีดเพิ่มอีก 11 จุด รวมทั้งหมด 25 แห่ง
          ปลุกปชช.ทำลายความกลัวฉีดวัคซีน
          พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยสองโรงพยาบาลคือ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและโรงพยาบาลรามาธิบดี เราต้องทำลายความหวาดวิตกความกลัวในการฉีดวัคซีนให้ได้  ต้องมีความเชื่อมั่น เพราะรัฐบาลยืนยันว่าวัคซีนที่นำเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานที่เข้มงวดกว่าต่างประเทศด้วยซ้ำ วันนี้เราจำเป็นต้องทยอยเข้ามา ถ้ามองว่าสถิติสูงขึ้น มันเป็นอย่างนั้นมากขึ้น อย่าลืมว่าเป็นเพียง 0.0 กว่าๆ ที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้นเราก็รักษา และบางทีมีโรคอื่นก็อันตรายมากหน่อย ในโรค 7 ชนิด วันนี้รัฐบาลต้องขอบคุณภาคเอกชน เราต้องเดินหน้าไปได้ จัดหาวัคซีน ฉีดวัคซีน และดูแลทุกมิติเป็นวาระแห่งชาติ
          ชวนมาฉีดมากๆรัฐมีงบดูแลทุกคน
          "เราต้องร่วมมือและฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าเผยแพร่มาที่ไม่เป็นเรื่องจริง คุณดูก็รู้แล้ว ไม่จริงก็อย่าไปแพร่ต่อ ด้วยเซ้น ของทุกคนก็น่าจะรู้ ก็พยายามฟังช่องทางของรัฐบาลให้มาก ของกระทรวงสาธารณสุข ของสภาหอการค้า ทำงานเป็นทีมให้ได้ นี่คือทีมประเทศไทย ทำเพื่อประเทศไทย ขอบคุณทุกคน ขอให้ไปเชิญชวนคนมาฉีดให้มากขึ้น วัคซีนอาจจำกัดในเดือนนี้ เดือนมิถุนายนจะเข้ามามาก"นายกฯกล่าว และย้ำว่า รัฐบาลพร้อมดูแลทุกคนทุกเพศทุกวัย ทุกภาคส่วน เมื่อวัคซีนเข้ามา เดือนนี้ก็เท่าที่มีอยู่ที่เราเพิ่มเติมมาได้ เดี๋ยวจะมียี่ห้ออื่นตามมาปลายปี ตนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยต้องดีขึ้นกว่าเดิม หลังโควิดคลี่คลาย ตนยัง ยืนยันด้วยเจตนารมณ์ว่าจะทำให้ดีที่สุดทุกเรื่อง รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอไม่ต้องกลัว ขณะเดียวกัน ให้สธ.ประสานกระทรวงมหาดไทยจะทำอย่างไรที่จะชักจูงประชาชนมาฉีดกันให้มากขึ้น หลายคนกลัวอยู่ เพราะมีข่าวบิดเบือนเยอะ
          ทักสื่อคิดถึงไม่ได้เจอกันนาน
          นายกฯให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยระบุว่า ดีใจที่ได้เจอผู้สื่อข่าว คิดถึงไม่ได้เจอกันนาน ก่อนจะกล่าวว่า ตน รัฐบาล และภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อนไปในแนวทางเดียวกัน สอดคล้องกับการเป็นวาระแห่งชาติ การจัดหากระจาย ฉีดวัคซีน ซึ่งมีจำนวนวัคซีนเพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลหามาได้ และต่อไปเดือนมิถุนายนจะมีเพิ่มอีก ไตรมาส 3 และ 4 ก็จะมียี่ห้ออื่นเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งรัฐบาลต้องเดินหน้า เป็นขั้นตอน หลายประเทศก็มีปัญหาอยู่ ยืนยันวัคซีนที่เราได้มามีการตรวจสอบให้ปลอดภัยมากที่สุด ขอให้เห็นใจแพทย์และพยาบาล  การมาตรวจศูนย์วัคซีนเอกชนวันนี้ พบว่ามีความพร้อมให้บริการประชาชน
          ย้ำมิ.ย.ปูพรมฉีดเข็มแรกป้องกันได้50%
          "เดือนมิถุนายนนี้จะปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะเราทราบดีว่าแค่การฉีดวัคซีนเข็มเดียวก็ป้องกันได้ถึง 50% ดังนั้น ฉีดย่อมดีกว่าไม่ฉีด ขอยืนยันและขอให้ทุกคน คลายความตระหนก ความตื่นกลัว รับข่าวสาร หลายทาง ขอให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลด้วย รัฐบาลมุ่งหมาย ชัดเจนที่จะฉีดวัคซีนให้คนไทยทุกคนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ในเดือนพฤษภาคมฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเกือบครบแล้ว รวมถึงตำรวจทหารและพลเรือนเกี่ยวข้อง เร่งฉีดในพื้นที่ระบาดสูง ทั้งจังหวัดสมุทรสาคร เขตคลองเตย  และอีกหลายชุมชนในกทม. เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด เป็นการจัดลำดับความสำคัญตามความเร่งด่วน"นายกฯระบุ
          ขยายจุดฉีดวัคซีนครบ25แห่งเร็วสุด
          พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงศูนย์ฉีดวัคซีนนอกรพ.ด้วยว่า วันนี้มีศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชนแล้ว 14 แห่งพร้อมให้บริการ จะเพิ่มเป็น 25 แห่งเร็วๆ นี้ โดยจะขยายโมเดลนี้ไป จังหวัดอื่นด้วย เพื่อลดความแออัด เดือน มิถุนายนจะดีขึ้น ส่วนการจองวัคซีน วันนี้อาจมีปัญหาบ้าง กำลังปรับปรุงแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม เพราะบางทีหมอพร้อมท่านก็ไม่พร้อม เพราะเข้ากันไปทีเดียวพร้อมกันก็ล่ม ขอให้ฟังการชี้แจงจากทางการด้วย ขอย้ำว่า อย่าตื่นตระหนกไปขนาดนั้น ระวังตัวไว้ก่อน  ใส่หน้ากากล้างมือ ขอยืนยันว่าทั้งตน สธ. รัฐบาลหาวัคซีนได้เพียงพอทั่วถึงคนไทย ทุกคน รวมทั้งคนต่างชาติในประเทศไทยด้วย
          ส่วนที่มีข่าวสายพันธุ์เก่าสายพันธุ์ใหม่ สธ.ทราบและมีมาตรการรัดกุม เข้มงวดในการเข้าออกด่านตามแนวชายแดน รวมทั้งสายการบิน ไม่ต้องกังวล เจอเหมือนกัน ทั่วโลก แต่ถ้าเรามีระบบบริหารจัดการที่ดีพอ คิดว่าเราทำได้ดีพอสมควร วันนี้เราต้องช่วยกันทำงานแข่งกับเวลา ไม่รอท่าใคร อย่าเสียเวลากับความขัดแย้ง กับเฟคนิวส์ เพราะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้ยาก เดือนหน้าเราจะเร่งให้เร็วที่สุด จะปูพรมฉีดให้ทั่วถึงทุกคน นายกฯถึงแม้มีอำนาจ ปานใด แต่ก็ต้องฟังหมอ เพราะนายกฯไม่ได้จบหมอ แต่นายกบริหารได้ ผ่านรัฐมนตรีและผู้ว่าฯ ฉะนั้นวันนี้เราต้องต่อสู้โควิดไปด้วยกัน เพื่อชาติและประชาชน ไม่ว่าใครเราต้องดูแลทั้งสิ้น ไม่แบ่งแยกใคร ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอร้องอย่าไปขยายข่าว ไม่เช่นนั้นก็ไม่จบ คนที่จะมาฉีดก็ไม่กล้ามาฉีด


pageview  1205142    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved