HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 08/09/2563 ]
กรมควบคุมโรคเตือนระวังโควิด เมียนมา หนักอีก2สัปดาห์ประชิดชายแดนไทย

 ย้ำจังหวัดติดพรมแดนคุมเข้มระวังลอบเข้าช่องทางธรรมชาติตรวจกลุ่มสัมผัสดีเจ990คน520รายโล่งอกไม่พบติดเชื้อ
          ศบค.รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 1 ราย กลับมาจากอินเดีย พักในที่กักตัวของรัฐ กรมควบคุมโรคสรุปผลตรวจหาไวรัส กลุ่มคนสัมผัสดีเจรวม 990 ราย ส่งตรวจแล็บ 520 คน ยังปลอดเชื้อ รอตรวจซ้ำอีก สองรอบ วันที่ 8 และ 16 กันยายน ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคห่วงเมียนมาโควิดระบาดหนัก ยอดติดเชื้อพุ่งวันละกว่าร้อยคน คาดไม่เกิน 2 สัปดาห์ ลามถึงชายแดนไทย ขณะที่สระแก้ว-ระนอง จัดชุดลาดตระเวนเข้ม ทั้งทางบก ทางน้ำ และเส้นทางธรรมชาติ สกัดแรงงานต่างด้าวจากเมียนมา-กัมพูชา ลักลอบหนีเข้าไทย พร้อมกำชับฝ่ายปกครองในพื้นที่จับตาอย่าให้แอบเข้าประเทศได้
          วันที่ 7 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติด เชื้อใหม่ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากอินเดียและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,445 ราย หายป่วยแล้วสะสม 3,281 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย
          คร.ตรวจหาเชื้อ990ราย-520ผลเป็นลบ
          ด้านกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวง สาธารณสุข ออกเอกสารรายงานความคืบหน้า การสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ ประจำวันที่ 7 กันยายนว่า โดยสรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 16 คน ส่งตรวจ 520 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับรายละเอียดการตรวจหาเชื้อจำแนกตามสถานที่ที่ดีเจ คนดังกล่าวเดินทางไปก่อนเข้าเรือนจำ ดังนี้
          1.บุคคลในครอบครัว มีผู้สัมผัส เสี่ยงสูง 6 คน คือ ภรรยา ลูก 2 คน น้องภรรยา พ่อตา แม่ยาย ผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่น 6 คน รวม 12 คน ผลตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 2.ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด มีผู้สัมผัส 137 คน เป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ผลตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อ 3.ศาลอาญามีผู้สัมผัสรวม 492 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 14 คน ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 13 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 1 คน นัดหมายตรวจวันที่ 8 กันยายน และมีผู้สัมผัส เสี่ยงต่ำ 478 คน ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 146 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 332 คน อยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน
          ลุ้นตรวจอีกสองครั้ง 8 ก.ย.-16ก.ย.
          4.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัส รวม 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน 5.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีผู้สัมผัส 111 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 76 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 คน ทั้งหมดนัดเก็บตัวอย่างครั้งแรกวันที่ 8 กันยายน ครั้งที่ 2 วันที่ 16 กันยายน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 52 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน และแบ่งเป็นผู้ต้องขัง 35 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งที่ 1 แล้ว 34 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนอีก 1 คน นัดตรวจอีก 2 ครั้ง วันที่ 8 และ 16 กันยายน
          6.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีผู้สัมผัส รวม 8 คน ผู้ต้องขังรถคันเดียวกัน เป็นผู้สัมผัส เสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลตรวจห้องปฏิบัติการ แล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรม ของเชื้อไวรัสโควิด-19 และนัดหมายตรวจอีก 1 ครั้ง ในวันที่ 8 กันยายนนี้  7.ร้านอาหารพระราม 3 มีผู้สัมผัส รวม 34 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนอีก 16 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
          กลุ่มเสี่ยงทุกแห่งกักตัว 14 วัน
          8.ร้านอาหารพระราม 5 มีผู้สัมผัส รวม 60 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 25 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัส เสี่ยงต่ำ 35 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกัน เฝ้าระวังอาการ 14 วัน 9.ร้านอาหารที่ ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส รวม 15 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 13 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19
          10.ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัสเป็นพนักงาน ร้านอาหารและร้านค้า รวม 112 คน เป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 11.สถานศึกษาย่านประชาอุทิศ มีผู้สัมผัส รวม 3 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน 12.ห้างสรรพสินค้าย่านสุขสวัสดิ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตาม
          โควิดเมียนมาหนัก-2อาทิตย์ถึงชายแดนไทย
          ขณะที่นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร  ผอ. กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมา ว่า ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก พบมีรายงานผู้ป่วย รายใหม่เพิ่มวันละกว่าร้อยราย และเริ่มพบในหลายเมือง จากพื้นที่ตะวันตกของประเทศคือ รัฐยะไข่ ตอนนี้เริ่มเข้ามาทางตอนกลางของเมียนมาแล้ว แน่นอนว่าทำให้ไทยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าตอนนี้พื้นที่ระบาดอยู่ห่างไกลจากชายแดนไทย แต่มีการ คาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์ การระบาดจะขยายพื้นที่มาถึงพื้นที่แถบชายแดนไทย
          เร่งเช็คปมชายวัย50ติดเชื้อกลับจากไทย
          "ตอนนี้ทุกฝ่าย ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งบุคลากรการแพทย์ ต่างเฝ้าระวังเข้มข้นตามแนวชายแดน หากตรวจจับได้ต้องตรวจสอบและกักกัน จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะพรมแดนธรรมชาติ"นพ.โสภณกล่าว
          และว่า ส่วนกรณีเกาหลีใต้รายงาน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศไทยนั้น ได้ประสานขอข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลกลับมา ทราบเพียงรายงานจากสื่อทางเกาหลีใต้เท่านั้นว่าเป็นชายอายุ 50 ปี
          รบ.ย้ำทุ่มพันล้านพัฒนาวัคซีนสู้โควิด
          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี จนได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และระบบสาธารณสุขไทยได้รับการชื่นชมจากองค์กรต่างประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตวัคซีน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 เร็วที่สุด โดยอนุมัติงบประมาณวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติสนับสนุนหน่วยงานเครือข่าย และสร้างความร่วมมือ กับสถาบันวิจัยพัฒนา และหน่วยผลิตวัคซีนในประเทศ ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อส่งเสริมการผลิตวัคซีนใช้ ได้เอง พร้อมทั้งเจรจาสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยี การผลิตทั้งจากจีนและยุโรป
          ไฟเขียว883ล.ทำที่กักโรคของรัฐ
          นอกจากนี้ ยังอนุมัติงบประมาณวงเงิน 883 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายทำพื้นที่ กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนสถานที่เอกชน เพื่อให้เป็นไปตาม มาตรการที่กำหนดในการที่คนไทยทุกคน ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศต้อง เข้าพัก ณ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐทันทีเป็นเวลา 14 วัน ดังนั้น รัฐบาลขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยยังควบคุมสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีและต่อเนื่อง และจะเร่งพัฒนาวัคซีน เพื่อให้คนไทยได้ใช้เร็วที่สุด
          กทม.เปิดสายด่วน1422ปรึกษาเสี่ยงติดเชื้อ
          พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยว่า กทม.เปิดสายด่วนเพื่อให้บริการแก่ประชาชนในกรุงเทพฯ ที่กังวลต่อความเสี่ยงติดเชื้อ สามารถแจ้งข้อมูล และขอคำปรึกษาแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1646 และ 1669 ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (EOC) หรือ สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค หรือ 0-2245-4964, 0-2203-2393 และ 0-2203-2396 (ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง) และ 09-4386-0051, 08-2001-6373 (ให้บริการเวลา 08.00-16.00 น.) สายด่วนกองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร  นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งข้อมูลและขอคำปรึกษาแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลในสังกัดกทม.ใกล้บ้านได้อีกด้วย หรือทำแบบประเมินความเสี่ยงผ่าน Website BKK COVID-19 โดยกรุงเทพมหานครจะเก็บข้อมูลทั้งหมดของผู้เข้าใช้ระบบ BKK COVID-19 เป็นความลับ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับบุคคลอื่น
          ตรวจ125คนสัมผัสดีเจที่ข้าวสารไม่พบเชื้อ
          ผู้ว่าฯกทม.ยังเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานควบคุมป้องกันการระบาดเชื้อโควิด-19 โดยศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 สำนักอนามัย เมื่อวันที่ 6 กันยายน จากการลงสอบสวนโรค ที่ร้าน First cafe at Khao San road ที่มีผู้สัมผัสดีเจติดโควิดรวม 127 คน เสี่ยงสูง 2 คน โดยเฝ้าระวังและสอบสวนโรค (PUI) ที่ โรงพยาบาลวชิระ 1 คน ไม่พบเชื้อ และ PUI 1 คน ณ โรงพยาบาลกลาง ไม่พบเชื้อ ได้กักตัวทั้ง 2 คน เพื่อติดตามเฝ้าระวัง ที่โรงพยาบาล (Isolate Quarantine) ส่วนผู้เสี่ยงต่ำ 125 คน ให้ปฏิบัติตัว ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค และ Self Quarantine นอกจากนี้ ยังจัดรถพระราชทานให้บริการเก็บสิ่งส่งตรวจของประชาชนที่กังวลบริเวณถนนข้าวสาร 112 คน พบว่าไม่มีผู้ติดเชื้อ
          สระแก้วเข้มชายแดนสกัดเขมรหนีเข้าไทย
          ส่วนบรรยากาศการคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา และชายแดน ไทย-กัมพูชา ในหลายจังหวัดยังดำเนินต่อไปอย่างเคร่งครัด หลังเมียนมาเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ลามหนัก พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชค.กรม.ทพ.12 (ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12) สั่งการให้ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201) ประสาน พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.คลองลึก และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม. จว.สระแก้ว สนธิกำลังลาดตระเวนเข้มป้องกันสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ตามมาตรการป้องกันและสกัดกั้น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนบริเวณพื้นที่ล่อแหลมและจุดเสี่ยงบริเวณท้ายตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สรุแก้ว และใต้สะพานรถไฟ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ของ พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา
          จับ3หนุ่มกัมพูชามุดรั้วหนามหนีเข้าปท.
          ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมฯลาดตะเวนถึงป่าละเมาะริมชายแดนไทยกัมพูชา ท้ายตลาดโรงเกลือฯพบชายชาวกัมพูชา 3 คน กำลังมุดรั้วลวดหนามจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ได้ทั้ง 3 คน ตรวจไม่พบเอกสารการเดินทาง สอบถามชายชาวกัมพูชาทั้ง 3 คน รับสารภาพว่าจะลักลอบเข้ามาค้าขายที่ตลาดโรงเกลือ โดยอ้างว่าเดิมขายของอยู่ในตลาดโรงเกลือ แต่ช่วงโควิด-19 ระบาดไทยปิดพรมแดนฯทำให้ต้องกลับประเทศ ไม่ได้ขายของในโรงเกลือมานานกว่า 4 เดือน แล้ว กลัวอดตายจึงลักลอบเข้าไทย เพื่อมาค้าขายในตลาดโรงเกลือ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้ง 3 คน มาตรวจคัดกรองโรค สอบสวนทำประวัติ ที่ กองร้อยทหารพรานที่ 1201 จุดตรวจ อ.20 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนคุมตัวส่ง สว.สอบสวนสภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ดำเนินคดี
          รวบ8หนีกลับเขมรผวาไทยระบาดรอบ2
          ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ตรวจพบกลุ่มกัมพูชา 8 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 4 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระกำลังเดินเท้าออกจากท้ายตลาดโรงเกลือ มุ่งหน้า ข้ามตะเข็บชายแดน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวไว้ทั้งหมดตรวจสอบพบชาวกัมพูชาทั้ง 8 คน มีเอกสารเดินทาง โดยอ้างว่าทำงานอยู่ใน กทม. และกำลังจะกลับกัมพูชา แต่ด่านพรมแดนอรัญประเทศยังไม่เปิด จึงจะลักลอบเข้าพรมแดนกลับประเทศ โดยอ้างว่าสาเหตุที่เดินทางกลับประเทศ เนื่องจากกลัวไวรัสโควิด-19 จะระบาดใน กทม.ระลอก 2 เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ก่อนประสาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกัมพูชานำไป ผลักดันกลับประเทศ ที่ช่องอนุโลมชายแดนตรงข้าม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ต่อไป
          ระนองลาดตะเวนเข้มทางบก-ทางน้ำ
          เช่นเดียวกับ ที่ จ.ระนอง กองกำลัง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี วางกำลังลาดตระเวน ทั้งทางบกแนวชายแดน และทางน้ำทั่วพื้นที่จังหวัด รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร และบางส่วนใน จ.ชุมพร เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย ของชาวเมียนมา โดย ไม่ผ่านด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 หลังสถานการณ์ในเมียนมา มียอดผู้ติดเชื้อ โควิดต่อเนื่อง ทำให้แรงงานเมียนมา บางส่วนพยายามหลบหนีเข้ามามาในไทย และที่อาจมีบางส่วนหลุดรอดสายตา เจ้าหน้าที่ไปได้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบรถทุกชนิด ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถตู้ รถส่วนตัว เพราะอาจมีขบวนการลักลอบขนชาวเมียนมา เข้าเมืองผิดกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ชายแดนของ จ.ระนอง ทั้งทางบกและทางน้ำ ติดเมียนมา พร้อมขอความร่วมมือประชาชน ในพื้นที่ชายแดนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเจ้าหน้าที่หากพบการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ป้องกันการระบาดของไวรัส โควิดระลอก 2


pageview  1205006    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved