HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 05/05/2563 ]
ศบค.เตือนคนแห่ซื้อเหล้า-เบียร์เสี่ยงติดไวรัส

ขู่ระบาดซ้ำห้ามขายทันทีกลับไปใช้กฎเหล็กดังเดิมระบุ14วันเป็นช่วงชี้ชะตาจับฝ่าพรก.วันเดียว795คน
          "ศบค."ห่วงแห่ซื้อเหล้าเบียร์ ไม่เว้นระยะห่าง ย้ำยึดหลักป้องกันโรคเข้มข้น ขอทุกคนร่วมปรับพฤติกรรม เตือน 14 วัน ช่วงชี้ชะตา หากติดเชื้อพุ่งระบาดซ้ำ สั่งหยุดกิจการทันที กลับไปใช้ กฎเหล็กเข้มข้นเหมือนเดิม ด้าน "ตร."สรุปวันแรกผ่อนปรนขายเหล้า ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ยอดพุ่งวันเดียว 795 คน อันดับ 1-3 "กทม.-ปทุมธานี-ภูเก็ต" ชุมนุมมั่วสุมดวดเหล้าในบ้าน-ลอบเล่นพนัน-เสพยานรก ตำรวจตักเตือน 24 คน ส่งดำเนินคดี 666 คน
          เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ช่วงคืนที่ผ่านมาว่า มีผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถานรวม 690 ราย มีกลุ่มชุมนุมและมั่วสุม รวม 129 ราย สำหรับภาพที่ปรากฏในโซเชียลมีประชาชนแห่ซื้อเหล้าเบียร์โดยไม่รักษาระยะห่างนั้น ถือเป็นตัวอย่างและข้อเตือนใจในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เพิ่งผ่านมาได้แค่ 1-2 วัน ดังนั้นทุกคนต้องพยายามทำความเข้าใจในการปรับพฤติกรรมต่างๆ หากทำได้ตัวเองจะปลอดภัย อีกทั้ง ข้อกำหนดต่างๆ ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่เป็นสิ่งที่เคยทำมาได้และ ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงเป็นผลให้พบผู้ติดเชื้อตัวเลขหลักเดียว ดังนั้นถ้ายึดหลักเดิมในมาตรการป้องกันโรคที่เราทำมาก่อนหน้านี้จนประสบความสำเร็จระดับโลก
          "ยังต้องการความร่วมมือเหมือนเดิมให้ได้ 100% เพื่อใช้เวลานี้ให้โรคออกไปจากประเทศไทย ให้ตัวเลขเป็นศูนย์ติดต่อกันอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ให้ได้ เพื่อให้มั่นใจว่า ในประเทศไม่มีผู้ติดเชื้อ ถึงตอนนั้น เราก็ใช้ชีวิตแบบปกติได้และผ่อนคลายมาตรการแต่ละขั้นไปได้ เรามี 14 วัน ในช่วงเปลี่ยนผ่านตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม เป็นต้นไป ถ้าเรามีชุดมาตรการและ ร่วมมือกัน 14 วันนี้ จะเป็น 14 วัน ที่เราใช้อย่างคุ้มค่า ตัวเลขการติดเชื้อก็จะกลับมาน้อย แล้วเราก็จะเห็นผลในระยะที่ 2 อีก 14 วัน เราก็จะมีพื้นที่ที่จะไปได้มากขึ้นกว่านี้อีก ซึ่งเกิดขึ้นจากความ ร่วมมือของทุกคน 100% ที่จะมีความสำคัญสูงมาก" โฆษก ศบค. กล่าว
          เมื่อถามว่า หากหลังจากนี้ถ้าพบผู้ติดเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนปรน มาตรการต่างๆ จะถูกตรึงหรือยกเลิกหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ศบค.จะเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสถิติ ทั้งด้านพฤติกรรมหลังผ่อนปรนและชุดข้อมูลการติดเชื้อหรือการยืนยันเชื้อจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ถ้านำข้อมูลสองส่วนนี้ประกอบกันแล้วพบว่า เมื่อผ่อนปรนแล้วตัวเลขการติดเชื้อยังเท่าเดิมหรือ ลดลง มาตรการการผ่อนปรนจะถูกขยับต่อไป แต่ในทางกลับกันหากพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น มาตรการก็ต้องทบทวนการให้หยุดหรือกลับไปเป็นการบังคับแบบเดิม หรือมีข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ดังนั้นสิ่งที่ทำวันนี้ เพื่อทำให้ทุกคนไม่ป่วย และไม่เสียชีวิตจากโรคนี้ สิ่งที่เราร่วมมือกันมา 1 เดือน มีความหมายกับทุกคนมาก ดังนั้น 14 วัน หลังจากนี้ก็มีความหมายมากเช่นกัน ซึ่งทุกคนก็อยากมีพื้นที่ทำมาหากิน ดังนั้น ขอให้ยึดมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ทั้งผู้ประกอบการและผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงผู้กำกับติดตามจากภาครัฐ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องทำไปพร้อมกัน
          ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปยอดผู้ฝ่าฝืน พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เวลา 22.00 น. ถึงวันที่ 4 พ.ค. เวลา 04.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นบุคคล 25,029 ราย และยานพาหนะ รวม 19,138 คัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนได้ 795 คน ประกอบด้วยผู้ออก นอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร 666 ราย และรวมตัวมั่วสุมในเคหสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ รวม 129 ราย สาเหตุ การออกนอกเคหสถาน 3 อันดับแรก ได้แก่ ออกมาทำธุระร้อยละ 33 อื่นๆ ร้อยละ 29 และเดินทางกลับที่พักร้อยละ 23 มีผู้ถูกตักเตือน 24 คน และถูกดำเนินคดี 666 คน
          ขณะที่สาเหตุการชุมนุมมั่วสุม 3 อันดับแรก ได้แก่ ดื่มสุราร้อยละ 60 ลักลอบเล่นการพนันร้อยละ 21 และเสพยา เสพติดร้อยละ 11 มีผู้ถูกดำเนินคดี 129 คน ทั้งนี้ จังหวัดที่จับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ กรณีออกนอกเคหสถานสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 70 คน, ปทุมธานี 64 คน และจ.ภูเก็ต 53 คน ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


pageview  1204972    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved