HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 29/04/2563 ]
เสนอห้ามต่างชาติเข้าไทย หวั่นโควิดลาม เสี่ยหนูชงประยุทธ์ตัดสินใจ

 ต่างด้าวสงขลาติดไวรัสอื้อดันยอดป่วยเพิ่มอีก53รายสธ.ส่งทีมแพทย์ไปกู้วิกฤติรัฐบาลไม่ตัดงบบัตรทอง
          ศบค. แถลงยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง 53 คน พบอยู่ในศูนย์กักขัง แรงงานต่างด้าวสะเดา 42 คน ยอดตาย เพิ่ม 1 คน สาเหตุติดจากคนในครอบครัว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ยังคงคัดกรองเข้มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ทางด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ด้านนายกรัฐมนตรีกำชับ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกันดูแลป้องกันคนไทยกลับจากมาเลเซียและพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสมรณะปลัด สธ.ยืนยัน ไม่มีการตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
          เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 53 ราย ผู้ป่วยหายแล้วเพิ่มเติม 57 ราย รวมผู้ป่วยหายแล้วเดินทางกลับบ้าน 2,547 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 51 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นชายไทยอายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างและสัมผัสผู้ป่วยยืนยันภายในครอบครัว 4 รายคือ พ่อแม่ น้องชาย และน้องสะใภ้ โดยผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการวันที่ 1 เมษายน มีไข้ ไอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลใน กทม.ผลเป็นปกติ ได้ยามาทานที่บ้าน จากนั้นวันที่ 12 เมษายน มีอาการอีกครั้งไข้สูง 40 องศา หายใจลำบาก จึงส่งตรวจหาเชื้อ ผลตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และวันที่ 16 เมษายน อาการแย่ลง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตวันที่ 24 เมษายน
          ผู้ติดเชื้อ42รายเป็นแรงงานต่างด้าว
          สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ก่อนหน้านี้ 4 ราย ผู้ป่วยที่มาจากการตรวจแบบเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดยะลา 7 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจเชิงลึกในศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา 42 ราย โดยกลุ่มนี้เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด เป็นคนพม่า 34 ราย เวียดนาม 3 ราย มาเลเซีย 2 ราย เยเมน กัมพูชา และอินเดีย ชาติละ 1 ราย โดยการพบผู้ป่วยกลุ่มนี้เนื่องจากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่ทราบข่าวการแพร่ระบาดของกลุ่มคนงานต่างด้าวในประเทศสิงคโปร์ จึงให้ตรวจสอบเชิงรุกตามพื้นที่กลุ่มเสี่ยง รวมถึงมีการประกาศ
          เขตโรคติดต่ออันตรายเพิ่มเติม 5 ประเทศ คือประเทศมาเลเซีย กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และพม่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เราจึงให้ความสำคัญ ทำให้เกิดกระบวนการค้นหามากขึ้น
          ยันทำตามหลักมนุษยธรรม
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า และเมื่อ เจอ 42 รายดังกล่าว ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เข้าไปดูแลในส่วนนี้เป็นอย่างดี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาการเบื้องต้น 42 รายยังแข็งแรงดีอยู่ จากนี้จะเอกซเรย์ปอดเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่อไป ยืนยันว่าที่เราทำเป็นไปตามหลักการตามมนุษยธรรมที่ต้องดูแลทุกคน และขอบคุณชาวสงขลาที่มีไมตรีจิตจัดพื้นที่ดูแลคนเหล่านี้ และขอยืนยันว่าคนในพื้นที่สงขลาจะไม่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากคนเหล่านี้ เราจะไม่ยอมให้เสี่ยง เมื่อ เรารู้จุดที่มีการแพร่ระบาดก็จะเข้าไปจัดการพื้นที่เหมือนกับการดำเนินการในเขต โรงพยาบาลเพื่อไม่ให้มีการกระจายเชื้อ
          ชี้คลายล็อกต้องยึดสถิติ-ฐานข้อมูล
          เมื่อถามว่า ผู้ผลิตละครสอบถามว่าจะมีการคลายล็อกอย่างไร และรัฐบาลใช้เกณฑ์อะไรพิจารณาการผ่อนคลายสำหรับกิจกรรมต่างๆ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การ จะผ่อนคลายอะไรจะไปดูสถิติและฐานข้อมูลเป็นหลัก กระทรวงสาธารณสุขเคยบอกหลายครั้งแล้ว เช่น ชุดพฤติกรรมจัดปาร์ตี้สังสรรค์ สนามมวย หรือพื้นที่คนแออัด มีความเสี่ยง ทุกคนคงยอมรับแล้วว่าไม่น่าจะให้เปิดสถานที่เหล่านี้ เพราะการติดเกิดจากการเข้าใกล้กัน อย่างไรก็ตามกิจกรรมไหนที่ห่างกันได้ก็ยอมให้เปิดได้ รูปแบบกิจกรรมจะเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่แค่รัฐเป็นคนตัดสินใจ ผู้ประกอบการก็สามารถเสนอมาตรการในการดูแลกิจกรรมของตัวเองได้ ถ้ามั่นใจว่าข้อเสนอต่างๆจะทำได้อย่างแข็งขัน และยอมรับกับการตรวจสอบเป็นระยะ ก็สามารถเปิดได้
          เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 53 คน วันนี้จะมีผลในการตัดสินใจคลายล็อกหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความเป็นจริง ซึ่งประเทศสิงคโปร์จากเดิมที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่สูงมากก็เพิ่มเป็นหลักหมื่น โดยเริ่มจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว เราเรียนรู้สิ่งเหล่านี้และมาสแกนหาในประเทศ ถ้าเจอก็รักษา และผู้บริหารทุกระดับยืนยันให้เปิดเผยตัวเลขจริงแก่ประชาชนเหมือนกับที่ผู้บริหาร รับทราบ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือ
          ปลัดสธ.ยืนยันไม่ตัดงบบัตรทอง
          ต่อมาเวลา 12.45 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนัก งบประมาณ พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงการจัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)โดย นพ.สุขุม กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า (บัตรทอง) ว่า งบประมาณในส่วนนี้จำนวน 2,400 ล้านบาทนั้นไม่ได้ ถูกตัดตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ยืนยันไม่กระทบการดูแลประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์โควิด-19 งบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลาง 3,000 ล้านบาท ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มเติม ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจจากผู้ป่วย ทำห้องความดันลบ ยืนยันการดูแลประชาชนไม่มีเปลี่ยนแปลงมีแต่จะดีขึ้น ขอให้มั่นใจ เพราะงบสำหรับบัตรทองมีการวางไว้ตั้งแต่ต้นปี และนายกฯก็ยังให้มาสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์ โควิด-19
          ส่วนการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ กว่า 40,000 ตำแหน่งตามมติ ครม.เมื่อ 15 เมษายนนั้น แต่ละปีกระทรวงสาธารณสุข มีรายได้จากงบประมาณและ นอกงบประมาณ ซึ่งตอนต้นปีมีการกำหนดเงินเดือนจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งคนที่ได้รับการบรรจุมีการเตรียมงบประมาณบำรุงอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้
          ด้านนางนฤมลกล่าวว่า นายกฯให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพประชาชน จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณหารือกันเพื่อหาเงินมารองรับไม่ให้กระทบทั้งสองส่วน ทั้งการบรรจุบุคลาการทางการแพทย์และการดูแลประชาชนที่ถือสิทธิ์บัตรทอง ยืนยันผู้ถือสิทธิประโยชน์ของบัตรทองไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้มั่นใจยังมีสิทธิ์รักษาตามเดิมทั้งหมด ส่วนการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์กว่า 40,000 ตำแหน่ง มีแหล่งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ซึ่งนายกฯได้สั่งการว่าการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ต้องไม่กระทบกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ถือสิทธิ์บัตรทอง
          คัดกรองเข้มคนไทยกลับจากมาเลย์
          วันเดียวกัน ที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ยังคงมีมาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้นกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย หลังจากที่ต้องเปลี่ยนจากด่านพรมแดนสะเดาที่พบเจ้าหน้าที่ตม.ติดเชื้อโควิด-19 มาเข้าทางด่านพรมแดนปาดัง เบซาร์แทนเป็นเวลา 7 วันระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน
          โดยบรรยากาศที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ในวันนี้ก็ยังคงมีคนไทยในมาเลเซียทยอยเดินทางกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้ายอดลงทะเบียนการเดินทางวันนี้จำนวน 100 คนซึ่งเป็นยอดที่จำกัดการเดินทางเข้ามาในแต่ละวันเพื่อให้ง่ายต่อการคัดกรองและนำไปกักตัว 14 วัน และทุกคนก็ให้ความร่วมมือในการเข้าสู่กระบวนการคัดกรองทุกขั้นตอนรวมถึงการส่งไปกักตัวที่ศูนย์กักที่เตรียมไว้ 14 วันส่วนกรณีที่มีอาการอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ก็จะถูกต่อไปยังรักษาที่โรงพยาบาล ปาดังเบซาร์และโรงพยาบาลสะเดาทันที
          ด้าน รพ.สะเดาได้รายงานจำนวนผู้เข้ารับการกักตัวทั้งจากกรณีที่มีผลสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ ตม.สะเดา และผู้ใกล้ชิดติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7 คน ขณะนี้ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 122 คน เป็นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา 83 คน และผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังทั้งผู้ใกล้ชิดและคนไทยที่กลับมาจากประเทศมาเลเซีย 39 คน
          กห.-เหล่าทัพติดตามมาตรการกักตัว
          พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม(โฆษก กห.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห. และ พล.อ. ณัฐ อินทรเจริญ ปลัด กห. ได้ประชุมร่วมกับ นขต.กห. และเหล่าทัพ เพื่อติดตามการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ (State Quarantine) ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยสรุปภาพรวม ณ 19 เมษายน สถานภาพคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ เข้าสู่กระบวนการคัดกรองและยังคงพักอยู่ในสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐที่กำหนด จำนวน 1,848 ราย และยังคงอยู่ในการดูแลเฝ้าระวังกักตัวเองที่บ้านพัก 174,846 ราย โดยสาธารณสุขในพื้นที่ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 18-24 เมษายน มีคนไทยเดินทาง ผ่านแดนกลับจากมาเลเซีย รวม 2,681 ราย เดินทางโดยถูกกฎหมาย 1,761 ราย และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 920 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้าตรวจคัดกรองในทุกด่านชายแดนและส่งต่อกลับภูมิลำเนาเข้ากักตัวควบคุมโรคในสถานที่ที่แต่ละจังหวัดกำหนด ภายใต้การดูแลของสาธารณสุขและหลายหน่วยงานในพื้นที่
          ผนึกกำลังช่วยเหลือประชาชน
          นอกจากนั้น ทุกเหล่าทัพได้ร่วมกับตำรวจ จัดกำลังคัดกรองการผ่านเข้าออกตามแนวชายแดน จัดตั้งจุดตรวจ จุดควบคุมและสายตรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทำสะอาดล้างสิ่งปนเปื้อนในพื้นที่สาธารณะ จัดทำหน้ากากผ้าแจกจ่ายให้ประชาชน สนับสนุนนำผลิตพันธ์การเกษตรออกจำหน่ายในราคาพิเศษแก่ประชาชน และจัดรถครัวสนามเคลื่อนที่กว่า 160 คัน กระจายประกอบอาหารแจกจ่ายตามชุมชนต่างๆ พร้อมทั้งยังคงความต่อเนื่องในการหมุนเวียนกำลังพลเข้าร่วมบริจาคโลหิตกับสภากาชาดไทย ในสภาวการณ์โลหิตขาดแคลนแล้ว รวมกว่า 1.5 ล้านมิลลิลิตร ทั้งนี้ กรมแพทย์ทหารบกได้สนับสนุนส่งมอบห้องผู้ป่วยความดันลบที่จัดทำขึ้น จำนวน 44 ห้อง ให้ สธ.กระจายติดตั้งใน รพ.ประจำจังหวัด ปัตตานี 17 ห้อง ยะลา 17 ห้อง และนราธิวาส 10 ห้อง เรียบร้อยแล้ว
          นายกฯกำชับดูแลคนไทยให้ปลอดไวรัส
          พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กห. ได้ย้ำให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกันดูแลสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซียผ่านจุดผ่านแดนเข้ามาตรการควบคุมโรคในภูมิลำเนาของตนที่แต่ละจังหวัดกำหนด รวมทั้งดูแลผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายด้วยหลักมนุษยธรรมและต้องเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคแห่งรัฐ พร้อมทั้งขอให้ทำงานร่วมกับ คณะกรรมการ อิสลามประจำจังหวัด องค์กรปกครอง ท้องถิ่น กำนันและผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ สนับสนุนการดูแล พี่น้องชาวไทยมุสลิมในการปฏิบัติตน เพื่อป้อง กันตนเองให้ปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19
          หลังจบประชุม พล.อ.ชัยชาญ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความพร้อมของสถานที่และการดำเนินการในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ ณ H2do Residence ซึ่งเป็นที่พักของพระสงฆ์ที่เดินทางกลับจากอินเดีย และ รร.Cinnamon ซึ่งเป็นที่พักของคนไทยที่เดินทางกลับจากตุรกีและมาเลเซีย รวมทั้ง รร.Palazzo
          เย็นวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ตรวจพบชาวต่างชาติ 42 คน ที่ศูนย์กักกันคนเข้าเมือง อำเภอสะเดา จ.สงขลา ติดเชื้อโควิด ว่า ชัดเจนแล้วว่า ตอนนี้โควิดระบาดในหลายประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีการระบาดของโรคนี้อยู่ เพื่อลดความสูญเสีย และลดปัญหาในการควบคุมโรค ทางกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน ศบค. ให้มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ สำหรับในประเทศ เราสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่หากมีเคสที่หลุด เข้ามาจากต่างชาติ การควบคุมโรคจะประสบปัญหาตอนนี้ เราเดินมาได้ไกล ไม่ต้องการเห็นความผิดพลาดเกิดขึ้น
          "ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ จำนวน 42 คน มาจากกลุ่มกลุ่มของ ผู้ลักลอบเข้าเมืองด้วย ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำด่าน ที่จัดการเรื่องนี้ได้ดี พบเร็ว ตรวจเร็ว คุมโรคเร็ว ทั้งนี้ จะให้กลุ่มนี้ ไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ และดูแลในพื้นที่ State Quarantine จะไม่ปล่อยให้มีการแพร่กระจายของเชื้อเด็ดขาด" นายอนุทิน กล่าว


pageview  1205091    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved