HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 29/04/2563 ]
ปลดล็อก8สถานที่กทม.ผ่อนปรนมาตรการคุมโควิด

ร้านอาหาร-ตลาด-ตัดผม ครม.เคาะต่อ พรก.1เดือนไม่เลื่อนวันหยุดเดือนพค.บิ๊กตู่ขู่เปิดแล้วป่วยสั่งปิดได้ติดเชื้อรายวันเพิ่มแค่7คน
          ศบค.แถลงพบผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 สะสม 54 เผยประวัติสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว คนบ้านเดียวกันต้องระวังตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ ย้ำจะใช้ชีวิตปกติได้ต่อเมื่อมีวัคซีน นายกฯเผยครม.เห็นชอบขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน แต่คงเคอร์ฟิว-ห้ามเดินทาง ข้ามจว.-ปิดสนามบินและห้าม จัดกิจกรรมรวมตัวจำนวนมาก แต่ไม่เลื่อนวันหยุดเดือนพ.ค. ขอปชช.รอฟัง รายละเอียดมาตรการผ่อนปรน 4 ระยะจะออกมาสัปดาห์นี้  โดยประเมินทุก 14 วัน ฮึ่มเปิดได้แต่ถ้าไม่เข้มงวดสกัดแพร่เชื้อ สั่งปิดได้อีก ขณะที่ผู้ว่าฯกทม.ชงบอร์ดโรคติดต่อปลดล็อก 8 สถานที่ แต่ต้องปฏิบัติตัว เคร่งครัด ห้าง-โรงหนัง-สถานบันเทิงรอไปก่อน
          เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย รวมถึง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในส่วนรัฐบาล
          ป่วยใหม่7ต่ำสิบวันที่2-ตาย2
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า  มีผู้ป่วยรายใหม่ต่ำสิบเป็นวันที่สอง โดยมี 7 ราย  ผู้ป่วยสะสม 2,938 ราย  หายป่วยเพิ่มเติม 43 ราย หายป่วยสะสม 2,652 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 54 ราย
          โดยรายที่ 53 เป็นชายไทย อายุ 52 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จากการไปประชุมวันที่ 19 มีนาคม เริ่มมีอาการวันที่ 21 มีนาคม และเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.ผลตรวจยืนยันเป็นโควิด-19 ต่อมาวันที่ 30 มีนาคม อาการแย่ลง ปอดรั่ว ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 27 เมษายนด้วยระบบหายใจล้มเหลวและไตวายเฉียบพลัน ส่วนรายที่ 54 เป็นหญิงไทย อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของร้านอาหาร มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว สามีและหลานสาวเป็นผู้ป่วยยืนยัน มีอาการป่วยวันที่ 24 มีนาคม เป็นไข้ ปวดศีรษะ จึงเข้ารักษาตัวที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้น จากนั้นวันที่ 1 เมษายนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต ผลตรวจยืนยันเป็นโควิด-19 จากนั้นอาการแย่ลง แพทย์ใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 27 เมษายน ปอดอักเสบติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว
          ไทม์ไลน์1รายสัมผัสผู้ป่วยในบ้าน
          "ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตสองราย เป็น ผู้ป่วยสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ทั้งคู่ อีกทั้งข้อมูลติดเชื้อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มที่พบมากสุดคือ สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้ามีถึง 151 คน จึงต้องให้ความสำคัญ รักษาระยะห่างแม้เป็นคนในครอบครัว ใครเป็นญาติต้องป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องทำให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ ตอนนี้ ต้องระวัง เพราะทุกคนมีโอกาสติดเชื้อทั้งสิ้น" นพ.ทวีศิลป์กล่าว  และว่า การมีผู้ป่วย ต่ำสิบเป็นวันที่สองติดต่อกันมีไม่กี่ประเทศในโลกที่จะเห็นภาพการติดเชื้อจำนวนน้อย แต่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้ภาคภูมิใจและให้กำลังใจในการรักษาระยะห่าง รักษาตัวให้ดีต่อไป การ์ดอย่าตก วันนี้เราทำได้เป็นผลมาจากพฤติกรรมเมื่อ 7-14 วันที่แล้ว แต่พฤติกรรมวันนี้จะปรากฏผลใน 7-14 วันข้างหน้า ถ้าทำไม่ได้ตัวเลขเพิ่มขึ้นแน่ ขอแรงทุกคนยังต้องป้องกันตัวสม่ำเสมอ เข้มงวดอย่างนี้ตลอด เราจะได้อยู่รอดปลอดภัยทุกคน
          ชี้3ใน7รายใหม่พบในเขตกทม.
          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วย รายใหม่ 7 ราย มาจาก กทม.3 ราย นครราชสีมา 1 ราย ภูเก็ต 3 ราย ในจำนวนนี้ 5 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 1 ราย ซึ่งเป็นชาวจีน และอีก 1 ราย ติดเชื้อจากการไปร่วมงานในพื้นที่แออัดใน กทม. ส่วนที่มีคำถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม.เมื่อวันที่ 27 เมษายน เป็นศูนย์และวันที่ 28 เมษายน มี 3 ราย แม้ผู้ออกมาใช้ชีวิตมากขึ้นแต่ตัวเลขลดลง จะนำมาซึ่งมาตรการคลายล็อกได้หรือไม่นั้น เราต้องชื่นชม แต่เบาใจไม่ได้ เพราะวันนี้ก็มีผู้ป่วยเพิ่ม 3 ราย เราต้องค้นหาให้ได้มากที่สุด จะเบาใจใช้ชีวิตเหมือนเดิมยังไม่ได้จนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษาโรค ต้องเข้มข้นควบคุมตัวให้ดีต่อไป
          กิจการที่เปิดต้องเข้มสกัดโรค
          สำหรับข้อมูลของผู้ป่วยตั้งแต่เดือนมกราคม-26 เมษายน พบมีผู้ป่วยสูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป 328 ราย หรือ 11% ของผู้ป่วยทั้งหมด ในจำนวนนี้เสียชีวิตถึง 21 ราย เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และปัจจัยเสี่ยงทำให้คนเหล่านี้ ติดเชื้อคือ พิธีทางศาสนา รองลงมาคือ เกี่ยวกับสนามมวยและผู้ป่วยยืนยัน ขณะที่ยอดรวมผู้เดินทางกลับประเทศไทยทาง เครื่องบินระหว่างที่ 4-27 เมษายน มี 2,769 ราย โดยกลับมาจาก 21 ประเทศ
          ผู้สื่อข่าวถามว่าการขยายประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคงมาตรการปิดสนามบิน ทำให้คนไทยที่ซื้อตั๋วแล้วได้รับผลกระทบรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขออภัยในความไม่สะดวก แต่เป็นมาตรการการป้องกันการแพร่เชื้อที่ทั่วโลกทำกัน ถ้าใครมีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนสามารถติดต่อไปที่สถานกงสุลและสถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ และย้ำถึงมาตรการหลังมีการผ่อนปรนในการ ให้ร้านค้าเปิดได้ว่าเรามีอยู่แล้ว ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อ 11 มีมาตรการป้องกันโรค ซึ่งถือเป็นมาตรฐานกลางที่ทุกคนต้องปฏิบัติ
          ให้รอฟังรายละเอียดคลายล็อก
          ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลง ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยชี้แจงความจำเป็นของรัฐบาลในการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป ส่วนข้อกำหนดต่างๆ ยังคงสภาพเดิมอยู่ในการเคลื่อนย้าย ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อีกส่วนจะมีมาตรการผ่อนคลายปลดล็อกกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการศึกษาทำรายละเอียดเรื่องเหล่านี้ว่ามีกิจกรรมใดที่ควรผ่อนปรนบ้าง ในตอนนี้และระยะต่อไป ขอให้ทุกคน รอฟังการแถลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทยอย ออกมาภายในสัปดาห์นี้
          ผ่อน4ระยะประเมินทุก14วัน
          นายกฯกล่าวต่อว่า ตนมอบนโยบายให้คณะกรรมการพิจารณา ต้องเอากิจการที่มีทั้งหมดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมาดู การผ่อนปรนมาตรการต่างๆโดยเอากิจกรรมทั้งหมดมารวมกันแล้วคิดว่า 100% มีอะไรอยู่บ้าง แล้วเอามาแบ่งเป็น 4 ระยะคือ ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ซึ่งแต่ละระยะจะห่างกัน 14 วัน เพื่อประเมินว่า หลังผ่อนปรนไปแล้วมีการแพร่ระบาดหรือไม่ หรือจำเป็นต้องปิดอีกหรือเปล่า ตรงนี้เราจะประกาศเมื่อถึงเวลาว่าอะไรจะผ่อนคลายในระยะที่ 1 บ้าง  ตนคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย ท่านก็ต้องร่วมมือกับรัฐบาลด้วย ในส่วนมาตรการที่ออกมาขั้นต้น ท่านก็ต้องมีมาตรการเสริมของท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นท้องที่ ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่รายเล็ก ขอเห็นใจรัฐบาลบ้าง เราต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยชีวิตประชาชนเป็นหลักด้วย สถานการณ์ด้านสาธารณสุขก็มีความสำคัญอยู่
          วอนร้านค้าร่วมมือ-เปิดแล้วก็ปิดได้
          "อะไรที่ผ่อนคลายได้ก็ผ่อนคลายไป แต่หากผ่อนคลายไปแล้วหากมีการแพร่ระบาดอีก ก็จำเป็นต้องปิดอีก ผมไม่อยากให้ย้อนกลับไปจุดนั้น อยากขอความร่วมมือระยะที่ 1 ขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด ซึ่งเราได้แบ่งไว้เป็น สีขาว สีเขียว สีเหลืองและ สีแดง ต้องเป็นตามระยะเวลาที่ 14 วัน เพื่อตรวจสอบ ก่อน ก็ต้องขอความร่วมมือจากสถานประกอบการ ขอให้ใจเย็น ไหนๆ ก็อดทนกับผมมาแล้ว ผมก็เจ็บปวดไปกับท่านด้วย ผมมาทำงานเพื่อดูแลประชาชน วันนี้สถานการณ์กดดันเราเข้ามามากมาย และไม่เฉพาะประเทศไทย ประเทศเดียว ทั้งภูมิภาค ทั้งโลกเดือดร้อนเรื่องโควิด-19 กันหมด"นายกฯระบุ
          ครม.คงวันหยุดพค.แต่ป้องกันเข้ม
          สำหรับข้อเสนอของกระทรวงวัฒนธรรมเรื่องให้เลื่อนวันหยุดราชการในเดือนพฤษภาคมทั้งหมดนั้น นายกฯเผยว่า ที่ประชุมครม. วันเดียวกันนี้ได้พิจารณาและเห็นชอบให้ถือเป็น วันหยุดราชการเช่นเดิม รวมทั้งวันหยุดของรัฐวิสาหกิจ หรือแรงงานก็ขอให้ยึดหลักตามเดิม เพียงแต่ต้องมีมาตรการป้องกัน มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing จำเป็นต้องทำอย่างเข้มงวดหลายมาตรการที่ ปลดล็อกไปแล้ว จำเป็นต้องดูแลให้ดีที่สุด
          คลายล็อกแห่รวมตัวทำกิจกรรม
          นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน มาตรการจำกัดเข้า-ออกในราชอาณาจักรทางบก น้ำ และอากาศ ครม.ก็มีมติให้ขยายไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม เช่นกัน สำหรับการประกาศเคอร์ฟิวก็ยังคงเวลาเดิมคือ ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. การงดหรือชะลอข้ามพื้นที่จังหวัดก็ยังคงมีอยู่ก็ขอฝากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและท้องถิ่นดูแล เพื่อลดการแพร่ระบาด จะได้ควบคุมและตรวจสอบได้
          "สิ่งที่เป็นห่วงอีกประเด็นคือ เมื่อเราคลายการปลดล็อกไปแล้ว ก็ขอให้ประชาชนระวังการเข้าไปในพื้นที่ที่มีกิจกรรมแออัดมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมใดก็ตาม ต้องระวังตัวเองทั้งหมดเพื่อตัวท่านเอง และครอบครัว" นายกฯกล่าว
          ผ่อนปรนที่ละขั้นหวั่นระบาดซ้ำ
          และย้ำว่า สำหรับมาตรการผ่อนปรนเรา จะทำเป็นระยะๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จะพิจารณากิจกรรมที่จำเป็นเสี่ยงน้อยก่อน และต้องมีมาตรการคู่มือ ตรวจสอบประเมินผล ตรวจสอบด้านสาธารณสุข ในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ดังนั้น สถานประกอบการก็ต้องเตรียมการในส่วนของตัวเองให้พร้อม ซึ่งต้องหารือร่วมกันอีกครั้งจากมาตรการที่รัฐออกไปตรงกลาง แล้ว ทุกคนเพิ่มเติมได้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสถานที่ของท่านปลอดจากโควิด เจ้าหน้าที่ พนักงานต้องได้รับการตรวจโรค ต้องทำให้คนไว้ใจในการที่จะเข้าไปยังสถานที่นั้นๆ หากคลายล็อกจะแจ้งให้ทราบเร็วๆ นี้ และเมื่อถึงเวลาปลดล็อกจะประกาศให้ทราบ
          "วันนี้ขอร้องทุกคนอย่าเรียกร้องมากนัก ขอให้เอาส่วนของตรงกลางมาพิจารณาในนโยบายก่อน ในส่วนแนวปฏิบัติต้องฟังจากท้องถิ่นและพื้นที่ด้วยโดยเฉพาะจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด แต่ต้องระวังการแพร่ระบาดที่อาจกลับมาทำให้ทุกอย่างที่ทำไปนั้นเสียเปล่า ผมไม่ต้องการให้ย้อนกลับไปเหมือนกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
          เผย20เจ้าสัวหนุนรัฐดูแลปชช.
          นายกฯยังชี้แจงถึงความคืบหน้าการรับฟังความเห็นจากธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ 20 ราย ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยส่งความเห็นกลับมาแล้ว ไม่เห็นมีใครจะมาให้เงินรัฐบาลเลย มีเพียงบอกว่าจะดูแลคนในห่วงโซ่ของแต่ละ องค์กรอย่างไร หางานให้ทำอย่างไร ลดจ้างงาน ให้น้อยที่สุด และหาอาชีพเสริมให้ จนหลายคนกลัวว่าเมื่อถึงเวลาสถานการณ์ดีขึ้นจะไม่กลับมาทำงานตรงนี้ เพราะไปค้าขายออนไลน์กันหมดแล้ว ตรงนี้ถือเป็นการช่วยในกลุ่มงานของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เขายังเสนอเรื่องเศรษฐกิจ มีความคิดเห็นค่อนข้างตรงกัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำต้องทำให้ทั่วถึง เขาพร้อมช่วยเหลือตรงนี้ในการสนับสนุนประชาชนมีแหล่งน้ำ เขาสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาเชิงซ้อนและจะร่วมมือกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ทำมามากพอสมควร ตนเพิ่งทราบหลายเรื่องเขาดูแลอยู่แล้ว แน่นอนว่ารัฐบาลไม่สามารถดูแลทุกคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้องอาศัยภาคส่วนต่างๆ มาร่วมดูด้วย ดังนั้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่พวกเราต้องร่วมมือกันให้มากที่สุด
          ปล่อยข่าวผิดพรก.โทษหนัก
          นายกฯกล่าวด้วยว่า หลายคนวันนี้ที่เห็นมีปัญหาคือ เรื่องเฟคนิวส์ ตนย้ำให้ทุกกระทรวงติดตามกรณีเผยแพร่คำพูดบิดเบือนจากข้อเท็จจริทำให้เกิดผลกระทบในการทำงาน ตรงนี้ต้องใช้กฎหมายดูแลจัดการคือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับหมิ่นประมาท แต่วันนี้อย่าลืมมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งมีข้อกำหนดอยู่แล้วในเรื่องนี้ ค่อนข้างจะแรงกว่ากฎหมายปกติ ฉะนั้นขอทุกคนระมัดระวังด้วย และสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด จะเห็นว่าที่ผ่านมามีการจับกุมดำเนินคดีหลายรายการ หลายผู้ต้องหา และทุกคนพูดอย่างเดียวคือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งก็ต้องไปพิสูจน์ทราบตัวเองในชั้นศาล
          ครม.ขยายพรก.-คง4มาตรการ
          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงานสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม ตามที่ศบค.พิจารณาเห็นชอบ โดยเลขาธิการสมช. รายงานในที่ประชุมว่า เห็นควรให้คงมาตรการ และข้อกำหนดที่ปฏิบัติอยู่ขณะนี้ ได้แก่ 1.จำกัดการเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำ และอากาศถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2.ห้ามบุคคลทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ช่วง 22.00-04.00 น. 3.งดหรือชะลอเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น และ 4.ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ หรือสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ในการปฏิบัติระยะต่อไป ให้ศบค.เป็นกลไกหลักกำหนดกฎเกณฑ์บังคับใช้อำนาจ ตามมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งให้ศูนย์ปฏิบัติการ แก้ปัญหาโควิด-19 ด้านต่างๆ กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด ทำหน้าที่กำหนด รายละเอียดการปฏิบัติงานตามประเภทภารกิจ และความรับผิดชอบของตนในพื้นที่
          ศบค.-สภาพัฒน์จ่อผ่อนคลาย
          นางนฤมลกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการผ่อนคลายมาตรการบังคับใช้ต่างๆให้ประชาชนดำรงชีวิตได้ปกติลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงภายใต้ความปลอดภัยของประชาชน สำนักงานกลางร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ศบค.และภาคธุรกิจทุกภาคส่วน ร่วมกันกำหนดมาตรการผ่อนคลายตามแนวทางหลัก  3 แนวทาง 1.ผ่อนคลาย มาตรการบังคับใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก 2.ให้พิจารณาประเภทกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นอันดับแรก และบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มแข็งควบคู่ไปด้วย จัดเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีตรวจสอบต่อเนื่อง ถ้าพิจารณาผลสัมฤทธิ์แต่ละวงรอบแล้วพบว่าสถานการณ์ดีขึ้น อาจกำหนดมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม แต่หากพบฝ่าฝืนหรือสถานการณ์แนวโน้มรุนแรง อาจยกเลิกมาตรการผ่อนคลาย  และ3.ในช่วงที่ผ่อนคลายมาตรการ จะเร่งรัดตรวจเชื้อโควิด-19 ให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง อาทิ แรงงานต่างด้าว กลุ่มทำงานอาชีพบริการ โดยใช้เทคโนโลยีติดตามควบคู่กันไป เพื่อสกัดไม่ให้เชื้อกลับมาระบาดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม รายละเอียดร้านค้าประเภทใดจะเปิดได้ หรือต้องดำเนินการอย่างไรบ้างนั้น  ยังไม่มีข้อสรุปเป็นทางการ
          กทม.ชงปลดล็อก8สถานที่
          ขณะที่พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยว่า กทม.เตรียมพิจารณาปลดล็อก ให้บางสถานที่เปิดดำเนินการได้ หลังมาตรการป้องกันแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตามประกาศปิดสถานที่ชั่วคราวของ กทม.จะสิ้นสุดลงวันที่ 30 เมษายน โดย กทม.เสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครวันที่ 29 เมษายน พิจารณา 8 สถานที่ที่เห็นควรเปิดดำเนินการ ได้ แต่ต้องทำตามมาตรการที่กำหนด ประกอบด้วย  1.ร้านอาหารทั่วไป แบบ ที่นั่งที่ร้านได้แต่ต้องจัดระยะที่นั่งห่างกัน 1.5 -2 เมตร ยกเว้นร้านอาหารในห้าง สรรพสินค้า และไม่อนุญาตให้จำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงต้อง ปิดร้านตามเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เวลา 22.00-04.00 น.
          2.ตลาดและตลาดนัด ขายสินค้าได้ทุกประเภท 3.สถานที่ออกกำลังกาย รวมถึงศูนย์กีฬาและศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครจะเปิดบริการให้เข้าไปออกกำลังกาย แต่ต้องเป็นกีฬาที่มีระยะห่างกัน ไม่ใกล้ชิด อาทิ เดิน วิ่ง สนามแบดมินตัน เทนนิส เทเบิลเทนนิส  ส่วนกีฬาประเภททีม อาทิ ฟุตบอลวอลเลย์บอล บาสเกตบอล ฟุตซอล ไม่อนุญาต 4.สวนสาธารณะ ให้ใช้ออกกำลังกาย พักผ่อนได้ แต่ห้ามรวมกลุ่มสังสรรค์หรือนั่งรับประทานอาหาร 5.ร้านตัดผม- เสริมสวย อนุญาตให้บริการได้เฉพาะ ตัด สระ ไดร์ เท่านั้น โดยให้โทร.จองคิวไม่อนุญาต ให้นั่งรอ และต้องหยุดทำความสะอาด ฆ่าเชื้อทุก 2 ชั่วโมง รวมถึงช่างทำผมต้องใส่หน้ากากและเฟซชิลด์ด้วย  6.ร้านตัดขนสัตว์และคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ นำสัตว์เข้าร้านได้ 1 คน/1 ตัว และหยุดทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุก 2 ชั่วโมง  7.โรงพยาบาล คลินิกและสถานพยาบาล 8.สนามกอล์ฟ และ สนามฝึกซ้อม
          ห้าง-โรงหนัง-สถานบันเทิงปิด
          "8 สถานที่ ที่เตรียมเสนอให้อนุญาตเปิดได้นั้น ต้องทำตามมาตรการที่กทม.กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยให้วัดอุณหภูมิ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนเข้าสถานที่ และจัดระยะห่างระหว่างบุคคล 1.5-2 เมตร หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการนี้ก็จะสั่งปิดทันที ทั้งนี้ กทม.เสนอมาตรการดังกล่าวนี้ต่อรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ตาม ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิง โรงภาพยนตร์และสถานที่ที่จะมีการชุมนุมกันของคน ยังไม่อนุญาตให้เปิดแต่อย่างใด"ผู้ว่าฯกทม.กล่าว
          กกต.ระส่ำพบจนท.ติดเชื้อรายที่3
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน คณะทำงานติดตามการแพร่ระบาดเชื้อ โควิด-19 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นประธาน ประชุมร่วมกับนายเอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอคำแนะนำหลังพบเจ้าหน้าที่ กกต. 2 รายติดเชื้อโควิด-19 และรับทราบผลตรวจเชื้อของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่กรมควบคุมโรคมาตรวจไปเมื่อวันที่ 27 เมษายน โดยมีรายงานว่าในจำนวนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ 134 รายที่ตรวจ ซึ่งรวมถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และนายฐิติเชฏฐ์นุชนาฏ นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต. มีผลเป็นลบไม่ติดเชื้อโควิด นอกจากนี้ ทางกกต.ได้ปิดพื้นที่ชั้น 4 ที่ตั้งสำนักวินิจฉัยและคดี ที่พบผู้ติดเชื้อ 7-14 วัน เพื่อทำการฆ่าเชื้อ อีกทั้ง ได้ตรวจหาเชื้อในส่วน เจ้าหน้าที่กกต.เพิ่มเติมอีกประมาณ 140 ราย น่าจะทราบผลวันที่ 29 เมษายน หากพบติดเชื้อจะพิจารณาว่าต้องปิดพื้นที่ส่วนใดเพิ่มเติม หรือจำเป็นต้องปิดทั้งสำนักงานหรือไม่
          ทั้งนี้ มีรายงานว่าขณะนี้สำนักงานฯ รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าพบเจ้าหน้าที่กกต. ติดเชื้อเป็นรายที่ 3 เป็นเจ้าหน้าที่ในกลุ่ม 14 ราย ที่เป็นผู้ใกล้ชิดนิติกร กกต.ที่ติดเชื้อ ก่อนหน้านี้ และไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ อยู่ระหว่างรอยืนยันผล อย่างเป็นทางการ
          ภูเก็ตตายรายที่2โคม่าอีก2
          วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในหลายจังหวัดว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประจำวันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 7 ราย ป่วยสะสม 214 ราย  หายกลับบ้านแล้ว 172 ราย มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 63 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ และยังอยู่ระหว่างรักษา 39 ราย ในจำนวนนี้อาการรุนแรง 2 ราย  ยังรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 50 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 7 ราย อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง 6 ราย ส่วนอีกรายที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ทั้งหมดมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้


pageview  1205102    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved