HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 16/04/2563 ]
ป่วยพุ่ง 2 ล้านยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลก

สหรัฐตายวันเดียว2,228 ทรัมป์สั่งงดเงินช่วยWHO อ้างบริหารล่ม-เข้าข้างจีน
          ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก พุ่งแตะ 2 ล้านคน เสียชีวิต 1.2 แสนราย สหรัฐยอดตายวันเดียว 2,228 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่"ทรัมป์"บอกเริ่มเห็นแสงสว่าง อาจยกเลิกมาตรการปิดเมืองเร็วๆ นี้ พร้อมสั่งระงับการให้เงินช่วยเหลือองค์การอนามัยโลก อ้างบริหารงานล้มเหลวและเข้าข้างจีน ทำให้เชื้อไวรัสมรณะลามไปทั่วโลก
          เมื่อวันที่ 15 เมษายน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจากการติดเชื้อ โควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 2,228 ราย ทำลายสถิติเดิมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่มีผู้เสียชีวิต 2,108 ราย ขณะที่ ยอดรวมผู้เสียชีวิต ในสหรัฐฯ มีมากกว่า 26,000 รายแล้ว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อ สะสมอยู่อย่างน้อย 614,000 ราย
          อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เวลานี้เริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว และประกาศว่า อาจมีการยกเลิกมาตรการปิดเมืองเร็วๆ นี้
          'ทรัมป์'สั่งตัดเงินช่วยเหลือWHO
          นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศ ตัดเงินทุนช่วยเหลือแก่องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ ระหว่างการแถลงข่าว ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวง ของประเทศ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นโดยอ้างเหตุผลว่า เพราะ องค์การอนามัยโลก ประสบความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ขั้นพื้นฐาน และเข้า ข้างจีน ประเทศต้นตอของเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จนส่งผลให้เชื้อไวรัสดังกล่าว แพร่ระบาดไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
          สำหรับ สหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือแก่องค์การอนามัยโลกมากที่สุดในโลก โดยเมื่อปีที่แล้วได้สนับสนุนไปด้วยวงเงินสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท) หรือเกือบร้อยละ 15 ของงบประมาณประจำปีของ สหรัฐฯ ตามมาด้วยจีน ที่จำนวน 76 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.47 พันล้านบาท)
          อิตาลียอดติดเชื้อต่ำสุดในรอบเดือน
          ส่วนอิตาลี สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพียง 2,972 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 160,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 602 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 21,067 ราย
          สถานการณ์ที่เริ่มมีแนวโน้มที่ดี ทำให้ทางการเริ่มผ่อนปรนมาตรการเข้มงวดในบางพื้นที่ลง เช่น อนุญาตให้ร้านขายหนังสือและร้านเครื่องเขียนเปิดขายได้ แต่ที่แคว้นลอมบาร์ดี และปิเอมอนเต ซึ่งมีการแพร่ระบาดรุนแรง ยังคงใช้มาตรการเข้มงวดต่อไป
          จีนเผยใกล้พัฒนาวัคซีนต้านโควิดสำเร็จ
          ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน เปิดเผยว่า วัคซีนที่พัฒนาโดยทีมวิจัยจีนได้ผ่านขั้นตอนการคัดกรองความปลอดภัยให้สามารถทดลองทางคลินิกได้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม และนับเป็นวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาขนานแรกของโลกที่ได้เลื่อนขั้นสู่ระยะสองจากการทดลองทางคลินิก 3 ระยะ โดยวัคซีนที่กำลังพัฒนานี้ออกแบบมาให้ใช้ไวรัสตัวอื่นในการถ่ายทอดสารพันธุกรรม
          โดยทีมวิจัยดังกล่าว นำโดย นักวิจัย จากสถาบันเวชศาสตร์การทหาร สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของจีน และขณะนี้ทางสถาบันกำลังเชิญชวนให้ประชาชนที่ต้องการเป็นอาสาสมัคร เข้าร่วม ในการพัฒนาวัคซีนในขั้นตอนต่อไป โดยในระยะที่สองจะเน้นประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนเป็นหลัก
          ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 2 หน่วยงาน ของจีน คือสถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพ อู่ฮั่นซึ่งเป็นสถาบันของรัฐ และบริษัทวิจัย และพัฒนาชิโนแวค (Sinovac) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ที่กำลังพัฒนาวัคซีนเช่นกัน หลังได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้สามารถทดลองทางคลินิกได้ในเดือนนี้ ขณะที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน เปิดเผยว่า ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่กำลังเตรียมจะยื่นขออนุมัติจากรัฐบาลเช่นกัน
          จีนห่วงเรื่องผู้ติดเชื้อจากรัสเซียที่เพิ่มขึ้น
          คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ของจีนรายงานว่า มีผู้ป่วยใหม่ 46 คน ในวันอังคาร โดยในจำนวนนี้ 36 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ ส่วนผู้ติดเชื้อ ใหม่อีก 10 คน เป็นผู้ป่วยใหม่ในประเทศ โดยที่มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของประเทศ มีผู้ป่วยใหม่ 2 คน และที่มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนืออีก 8 คน ซึ่งขณะนี้มณฑลเฮย์หลงเจียงได้กลายเป็นแนวหน้าของจีนในการสกัด ผู้ป่วยนำเข้าในช่วงที่ชาวจีนที่ติดเชื้อ จากรัสเซีย เดินทางกลับประเทศ ซึ่ง ล่าสุดจีนได้ปิดพรมแดนกับรัสเซียที่จุดผ่านแดนเมืองซุยเฟินเหอในมณฑล เฮย์หลงเจียงแล้ว
          ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางมาจากรัสเซียยังส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของจีนด้วย เช่น ที่เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางตอนเหนือประเทศ และที่เซี่ยงไฮ้ เมืองศูนย์กลางการเงินของจีน
          อินเดียประท้วงขยายล็อกดาวน์
          ขณะที่เว็บไซต์นิตยสาร India Today ของอินเดีย เสนอข่าว "Lockdown extension: Migrant labourers protest in Mumbai" ระบุว่า ชาวอินเดียจาก รัฐเบงกอลตะวันตกและอุตตรประเทศ ซึ่งมาทำงานในเมืองมุมไบ ชุมนุมประท้วงหลังรัฐบาลประกาศต่ออายุมาตรการ ล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดเมืองและให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ออกไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม เนื่องจากทำให้แรงงานเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้
          ผู้ชุมนุมรวมตัวกันหลายร้อยคน ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 14 เมษายน บริเวณสถานีขนส่งบันดรา เนื่องจากตามกำหนดเดิมมาตรการล็อกดาวน์จะสิ้นสุดในวันดังกล่าว หลังบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม หลายคนตะโกนว่าพวกตนต้องอยู่อย่างแออัดในบ้านเช่า 10-15 คน ไม่มีเงินและไม่มีอาหาร มีเพียงความช่วยเหลือจากคนทั่วไปที่มีจิตเมตตาบ้าง หรือจากภาคประชาสังคม (เอ็นจีโอ) บ้าง จึงมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ได้ พร้อมกับตำหนิรัฐบาลว่าไม่สามารถจัดหาปัจจัยดำรงชีพที่เพียงพออย่างที่รับปากไว้
          ทางการแจงกำลังหาทางยุติ
          อุททัพ ทัชเชราย หัวหน้ารัฐมนตรีแห่งรัฐมหาราษฏระ ที่ตั้งของเมืองมุมไบ พยายามชี้แจงกับประชาชนว่าการ ล็อกดาวน์ไม่ใช่การขังคุก และคณะผู้บริหาร ของรัฐกำลังหาทางยุติการล็อกดาวน์และทำให้กิจการต่างๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง ขณะที่ อามิท ชาห์ รัฐมนตรีมหาดไทยอินเดีย เรียกร้องให้รัฐมหาราษฏระ มีการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก และขอให้ทดลองรักษาผู้ป่วยด้วยพลาสมา พร้อมกับแสดงความกังวลกับการชุมนุมและการต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์
          ยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ2ล้านราย
          สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เมื่อ เวลา 17.00 น. วันที่ 15 เมษายน 2563 ตามเวลาในประเทศไทย มีดังนี้ ผู้ติดเชื้อสะสม 2,012,063 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 127,493 ราย รักษาหายรวม 489,795 ราย โดยสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 614,246 ราย และมี ผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 26,064 ราย ซึ่งสูงสุด เป็นอันดับ 1 เช่นกัน ขณะที่สเปน มีผู้ติดเชื้อ 177,633 ราย เสียชีวิต 18,579 ราย อิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 162,488 ราย เสียชีวิต 21,067 ราย ฝรั่งเศส ผู้ติดเชื้อ 143,303 ราย เสียชีวิต 15,729 ราย เยอรมนี ผู้ติดเชื้อ 132,210 ราย เสียชีวิต 3,495 ราย


pageview  1205149    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved