|
|
|
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 23/05/2562 ] |
|
|
|
|
เลขาธิการสพฉ.เตือนครู-ผู้ปกครองระวัง ลืมเด็กไว้ในรถ |
|
|
|
|
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงปัญหาการลืมเด็ก ไว้ในรถยนต์ ว่ากรณีของเด็กติดในรถไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวไหน แต่ตนอยากให้ทุกๆ คนเรียนรู้วิธี ในการช่วยเหลือหากพบเห็นเด็กติดในรถ เพราะเมื่อเจอเหตุการณ์จริงเราจะได้ช่วยเหลือเด็กได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก รพ.รามาธิบดี ระบุว่า เด็กที่ติดในรถส่วนใหญ่ ไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ หากแต่ เพราะอากาศที่อยู่ในรถมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น
โดยเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 5 นาที อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนเด็กไม่สามารถอยู่ได้ ยิ่งนานเกิน 10 นาที ร่างกายของเด็กจะแย่ และภายใน 30 นาที เด็กอาจหยุดหายใจ และอวัยวะทุกอย่าง หยุดทำงานจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากท่านพบเห็นเหตุการณ์เด็กติดอยู่ ในรถ แล้วเด็กหมดสติหรือหยุดหายใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือโทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
และในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ ให้รีบเข้าทำการช่วยเหลือโดยนำเด็กออกมาจากรถ และนำไปอยู่บนพื้นราบที่อากาศปลอดโปร่งพร้อมกับทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (ซีพีอาร์-CPR) เบื้องต้นในเด็กทันที โดยการทำ CPR ในเด็กเล็กจะแตกต่างกับการทำ CPR ในผู้ใหญ่เล็กน้อย มีขั้นตอนดังนี้ เมื่อปลุกเรียกแล้วสังเกตว่าเด็กส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวหรือไม่ ถ้าไม่ตอบสนอง ไม่เคลื่อนไหว ให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพทันที โดยให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รีบไปโทร.แจ้ง สายด่วนฉุกเฉิน 1669
ส่วนผู้ที่จะทำ CPR ให้รีบประเมินเด็กทันทีว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ ถ้าเด็ก ไม่หายใจให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพทันที โดยรีบนำเด็กลงมาวางบนพื้นราบแข็ง วางส้นมือข้างหนึ่งไว้ตรงกึ่งกลางหน้าอกระดับแนวราวนมแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งวางบนหน้าผากของเด็กพยายามให้เด็กหงายหน้าขึ้นเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ทำการกดหน้าอก 30 ครั้ง โดยกดให้ลึกลงไปประมาณ 1/3 ของความหนาของหน้าอก
"การกดแต่ละครั้งต้องต่อเนื่อง อัตราเร็วประมาณ 100-120 ครั้ง ต่อนาที สลับกับการช่วยหายใจ โดยการกดหน้าผาก เชยคาง บีบจมูก ประกบปากให้สนิทแล้วเป่าลมเข้าไป 2 ครั้ง ให้ทำสลับกันเช่นนี้ต่อไปจนครบ 5 รอบ หรือนานประมาณ 2 นาที แล้วประเมินซ้ำทุกๆ 5 รอบ หรือ 2 นาที ว่าเด็กกลับมาหายใจได้เองหรือไม่ ถ้ายังไม่หายให้ทำต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุด จนกว่าทีมกู้ชีพ จะมาถึงและเข้ามาให้ความช่วยเหลือและนำเด็กส่งต่อไปยังโรงพยาบาล" เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
เลขาธิการ สพฉ. ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อแม่หรือครูจะต้องดูแลเด็กๆ ให้ดี หากทำได้อยากให้สอนเด็กๆ ให้รู้จักการเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ เช่น สอนการเปิดกระจก การปลดล็อกรถ การบีบแตรให้มีเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ควรปล่อยเด็กไว้ ในรถตามลำพังถึงแม้จะแง้มกระจกรถไว้ก็ตาม หากผู้ปกครองต้องลงจากรถเพื่อไปทำธุระก็ควรนำเด็กลงไปด้วย ขณะที่ครูควรจัดทำรายชื่อของเด็กที่ขึ้นรถ และก่อนลงรถควรเช็ครายชื่อของเด็กทุกคนอีกครั้งว่าลงจากรถครบแล้วหรือไม่ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เด็กติดในรถเกิดขึ้นอีก |
| | |
|
| |
|
pageview 1204507 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |