|
|
|
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 20/11/2561 ] |
|
|
|
|
ปลัดสธ.กำชับ พื้นที่เร่งสอบคดี หมอฉาว ถ้าผิด-ส่อฟันวินัยร้ายแรง |
|
|
|
|
ปลัด สธ.กำชับพื้นที่ เร่งสอบข้อเท็จจริงปม"หมอสูติฯ"อนาจาร"คนไข้ ถ้าเป็นจริง ขัดจริยธรรมหมอ-ขรก.ส่อผิดวินัยร้ายแรง ย้ำถ้าทำผิดมาตรฐาน ให้บริการ ถึงขั้นปิดคลินิก ด้าน"อัจฉริยะ"ขนทีมงานลงพื้นที่นครสวรรค์ 20 พฤศจิกายน ลุยคลินิก เร่งหาข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
จากกรณีเพจ"ทนายนิด้า"หรือ
น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ ออกมาตีแผ่ว่า มีผู้เสียหายเป็นคนไข้สาว อายุ 29 ปี เข้ามาขอความช่วยเหลืออ้างว่าไปตรวจภายในที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์แล้วโดนหมอข่มขืน นอกจากนี้ ยังมี ผู้เสียหายเป็นหญิงสาวหลายรายออกมาให้ข้อมูลกับทนายนิด้าว่าถูกกระทำแบบเดียวกัน มีทั้งเคลียร์ได้และเคลียร์ไม่ได้นั้น
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความ คืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี หญิงสาวระบุว่าถูกสูตินรีแพทย์ข่มขืนขณะทำการตรวจภายใน ในคลินิกส่วนตัว ว่าหลังจากได้กำชับให้ นพ.บุญชัย ธีระกาญจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลเรื่องนี้ เนื่องจากอยู่ใน ความสนใจของประชาชนและต้องทำ ข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เนื่องจากตอนนี้พบ จำนวนผู้เสียหายที่มากขึ้น หากผู้เสียหาย ในพื้นที่ต้องการร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุข ก็สามารถทำได้ผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์(สสจ.)
"เรื่องนี้เกี่ยวข้องคดีอาญา แต่ในส่วนของการสอบสวนทางราชการ เกี่ยวข้องกับจริยธรรมแพทย์และข้าราชการ หากผิดจริง เกี่ยวข้องกับวินัยร้ายแรง" ปลัดกระทรวง สธ.ย้ำ
เมื่อถามถึงกรณีกังวลจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในโรงพยาบาลของรัฐต้นสังกัดด้วยหรือไม่ นพ.สุขุมกล่าวว่า เชื่อว่ากระทำอนาจาร หรือลวนลาม ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในสถานที่ราชการ เนื่องจากโรงพยาบาลมีมาตรฐานการตรวจอยู่แล้ว ต้องปฏิบัติตาม โดยมีบุคคลที่ 3 ในโรงพยาบาลมีทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล คอยดูอยู่แล้ว แต่ในคลินิก ก็มีอีกมาตรฐานหนึ่ง แต่ทั้งนี้ในการตรวจภายใน ต้องมีบุคคลที่ 3 เสมอซึ่งเรื่องนี้ ก็ต้องดูว่า ผิดมาตรฐานการให้บริการหรือไม่ ถ้าผิด ก็อาจถึงขั้นปิดคลินิก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คลินิกนายแพทย์สูตินารี หรือ หมอฉาว คนนี้ตั้งอยู่ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้ปิดทำการ หมอเจ้าของคลินิก ได้มีการลาพักร้อน ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวอีกว่าสูตินรีแพทย์ฉาวรายนี้ได้กล่าวผ่านในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 33 ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าขอขอบคุณในความห่วงใยของทุกๆ คน ซึ่งส่วนตัว ห่วงวงการแพทย์ โดยเฉพาะสูตินารีแพทย์ที่จะทำงานยากขึ้น จากเหตุการณ์นี้และไม่อยากให้คนไข้เข้าใจผิด เรื่องตรวจภายในตรวจเต้านม ยืนยันได้ว่า ไม่มีหมอคนไหนอยากทำร้ายคนที่เสียภาษี ทุกคนอยากทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ส่วนตัวไม่รู้สึกโกรธเกลียดอะไรทั้งสิ้น
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดังเจ้าของเพจ "ทนายคลายทุกข์" ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้พร้อมกับส่งไม้ต่อให้กับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม ไปช่วยทำการหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ค ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "วันอังคารที่ 20 พ.ย. 2561 ชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ขนทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่จ.นครสวรรค์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงระหว่างแพทย์กับผู้เสียหาย ใครที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ ห้ามพลาดครับ และทางชมรมขอเลื่อนการไลฟ์สดในวันอังคารที่ 20 พ.ย. เป็นวันพุธที่ 21 พ.ย. เวลา 20.00 น. แทน จึงแจ้งมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน"
ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ย. ตนจะ นำทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เดินทางไปลง จ.นครสวรรค์ ในฐานะคนกลาง เพื่อลงไปพิสูจน์ความจริงทั้งสองฝ่ายว่า ใครพูดจริงหรือเท็จ เพื่อร่วมจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างแพทย์กับผู้เสียหาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เบื้องต้น
ข้อมูลพบความผิดปกติทั้งสองฝั่ง
"โดยฝ่ายผู้หญิงที่มาร้องเรียน วันเกิดเหตุก็มีแฟนสาวมารออยู่ที่หน้าห้อง เมื่อเกิดเหตุ ทำไมจึงไม่วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือซึ่งเหตุการณ์เกิดตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. แต่เหตุใดไม่ยอมบอกแฟนตัวเองและปล่อยให้เรื่องยาว จนมา แจ้งความในวันที่ 3 ต.ค. ประเด็นนี้ เป็นที่น่าสงสัยอย่างมากรวมถึงมีเรื่องของเงินหมอคนดังกล่าวได้พยายามขอไกล่เกลี่ยโดยโอนเงินให้ผู้เสียหาย 3 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีด้วย เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ และในขณะที่ฝั่งแพทย์ เหตุใด ขณะทำการตรวจ ไม่มีผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลเข้าไปช่วยด้วย"
ด้าน นายรัชพล ศิริสาคร ทนายชื่อดัง เจ้าของเพจ สายตรงกฎหมายระบุว่า เรื่องหมอข่มขืนคนไข้ หมอมีไลน์คนไข้ได้ยังไง สงสัยว่าลูกความหลอกทนาย หรือเปล่า มีข้อสันนิษฐาน 2 ข้อ ข้อแรกเป็นไปได้ว่า หมอเอามาจากแฟ้มประวัติ ต้องไปดูว่าคนไข้ลง ID ไลน์ไว้หรือเปล่าหรือคนไข้ให้เบอร์หมอไว้หรือเปล่า ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นมันก็ส่อพิรุธว่าหมอเอาไลน์คนไข้มาได้ยังไง อีกข้อหนึ่งคือคนไข้กับหมออาจจะเคยจีบกันมาก่อน จึงมีไลน์คุยกันแล้วคนไข้มาโกหก ทนายว่า ไม่เคยจีบกันมาก่อนเรื่องนี้ทนายอาจจะโดน ลูกความหลอกก็เป็นได้ มีให้เห็นอยู่บ่อยๆที่ลูกความไม่พูดความจริงกับทนาย ส่วนจะโดนหลอกหรือเปล่า คงตอบไม่ได้
ในส่วนนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญ ในคดี เพราะถ้าหมอมีไลน์ คนไข้เพราะเคยจีบกันมาก่อน คดีจะพลิกทันทีว่าเป็นการสมยอม แต่ถ้าหมอไปหามาเองจากแฟ้มประวัติ ก็แล้วไป เราไม่ได้บอกว่า หมอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การนำข้อมูลมาเปิดเผย ควรมีความชัดเจน ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นการกล่าวหาฝ่ายเดียวและไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา |
| | |
|
| |
|
pageview 1204515 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |