อย.ประสานตำรวจคุ้ม ครองผู้บริโภคตามจับผู้เปิดเว็บไซต์ขายกรดฟอกหน้าขาวที่มีอันตรายทำให้เสียโฉม
    อย.ประสานตำรวจเร่งสืบหาตัวคนขาย "กรดทีซีเอ" อวดสรรพคุณฟอกหน้าขาวใสผ่านทางอินเทอร์เน็ต เผยผิดกฎหมายเครื่องสำอาง โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่น วอนประชาชนแจ้งเบาะแส ขอกระทรวงไอซีทีปิดเว็บไซต์
          กรณีกรมการแพทย์ได้ออกมาเตือนบรรดาวัยรุ่นอย่าหลงเชื่อเว็บไซต์โฆษณาขายกรดทีซีเอ ซึ่งอวดอ้างสรรพคุณว่าทำให้หน้าขาวใสสไตล์เกาหลี โดยระบุว่ากรดทีซีเอมีอันตรายถึงกับทำให้ใบหน้าเสียโฉมได้
          ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มีนาคม นายไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ อย.ได้เฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมกับได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อร่วมมือกันสืบสวนหาตัวเจ้าของเว็บไซต์ที่มีการหลอกขายกรดทีซีเอ รวมถึงจะขอความร่วมมือจากทางกระทรวงไอซีทีเพื่อให้ปิดเว็บไซต์เหล่านี้
          นายไพศาลกล่าวอีกว่า แม้ว่า อย.และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดดังกล่าวได้ แต่จะเร่งสืบหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารต้องห้าม จะมีความผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ.2551 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 มาตรา 33 วรรค 2 และมาตรา 59 วรรค 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมผู้ที่ขายกรดทีซีเอผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยเป็นเพียงการออกมาเตือนของกรมการแพทย์ถึงอันตรายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเท่านั้น แต่ทาง บก.ปคบ.จะเร่งสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีและญี่ปุ่น ที่มีการวางขายตามบูธในห้างสรรพสินค้านั้น ได้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก เพราะคนเหล่านี้มักใช้ชื่อแฝงในการโฆษณาขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ยากแก่การสืบสวนหาตัวเจ้าของเว็บไซต์มาลงโทษได้
          "อย่างไรก็ตาม เราได้ประสานกับกองบังคับ การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสืบสวนเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยากขอความร่วมมือจากผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนี้ให้ช่วยแจ้งเบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป" พล.ต.ต.นิพนธ์กล่าว.