HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 06/02/2556 ]
'นมแม่'พลังเปลี่ยนแปลงสุขภาพ'เด็กป่วย'

จากการสำรวจสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของกรมอนามัยในปี 2552 พบว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพิ่มขึ้นจากร้อยและ 16.3 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 29.6 ในปี 2552 ซึ่งเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมายของประเทศไทย เพราะยังมีแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สำคัญคือแม่ที่มีลูกป่วย เพราะในแต่ละปีประเทศไทยมีเด็กทารกแรกเกิดที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมาก ทั้งทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกที่ป่วยต้องอยู่ในหออภิบาลทารก (NICU) ทารกที่ได้รับการผ่าตัด หรือเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เด็กกลุ่มนี้มีโอกาสถูกแยกแม่-ลูก หรือถูกสั่งให้งดนมแม่ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับอาหารที่มีคุณค่าและมีความสำคัญที่สุดในชีวิต
          มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จึงร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ และสภาการพยาบาล โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดประชุมวิชาการ "Breast Feeding Sick Babies" เพื่อให้ความรู้กับบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนของไทย และจากประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม กว่า 300 คน เพื่อให้ทารกที่ป่วยได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างถูกต้องทัดเทียมกับเด็กปกติ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา Prof. Dr. Diane L. Spatz มาถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เทคนิคและทักษะในการทำให้เด็กป่วยได้รับนมแม่
          ในเวทีการประชุมดังกล่าว Prof. Dr. Diane L. Spatz ได้นำเสนอองค์ความรู้ "บันได 10 ขั้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย" และแนวคิดและทัศนคติในขับเคลื่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย โดย Dr. Diane ได้เน้นย้ำว่ามีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงพลังของนมแม่ ที่บ่งชี้ว่าน้ำนมแม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าต่อสุขภาพของทารกที่ป่วยอย่างดียิ่ง นมแม่เปรียบเสมือนการรักษา มีความสำคัญเหมือนกับเป็นเครื่องช่วยหายใจ มีความสามารถที่จะปกป้องเด็กทารกได้เมื่ออยู่ในห้อง NICU และจำเป็นอย่างยิ่งที่แพทย์และพยาบาลจะต้องให้เด็กที่ป่วยได้รับการเลี้ยงดูด้วยน้ำนมแม่ เพราะนมแม่สามารถลดการติดเชื้อในเด็กป่วย นมแม่เป็นทั้งยาและภูมิคุ้มกันที่นมผงไม่สามารถทดแทนได้ นมแม่ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการด้านสมอง รวมไประบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเด็กที่ป่วยหรือคลอดก่อนกำหนด และนมแม่ยังจะทำให้เด็กที่ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้เร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการเลี้ยงด้วยนมแม่
          สำหรับ "บันได 10 ขั้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย" ประกอบไปด้วย Step 1: Informed Decision หรือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับนมแม่อย่างละเอียดกับพ่อแม่และครอบครัวของเด็กว่า นมแม่นั้นมีประโยชน์อย่างไร และมีความจำเป็นมากแค่ไหนที่แม่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ Step 2: Establishment and Maintenance of Milk Supply เป็นความรู้และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำนมแม่สำหรับให้กับเด็กป่วยในกรณีต่างๆ Step 3: Human Milk Management วิธีการเก็บและใช้น้ำนมแม่ในการเลี้ยงดูเด็กป่วยที่ถูกต้องและเหมาะสม Step 4: Oral Care เป็นขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ในการให้นมแม่กับเด็กที่ป่วย Step 5: Skin to Skin Care เป็นการกระตุ้นให้แม่พร้อมที่จะมีน้ำนมและทำให้ลูกพร้อมที่จะรับนมแม่ด้วยการสัมผัสเนื้อแนบเนื้อ ตลอดระยะเวลาจากห้องคลอดถึงหออภิบาลทารก
          Step 6: Nonnutritive Sucking at the Breast เป็นการกระตุ้นให้เด็กทารกมีความคุ้นเคยกับเต้านมแม่ เพราะจะทำให้สามารถปรับให้กินนมจากเต้าได้ในภายหลังออกจากห้องอภิบาลทารก Step 7: Transition to Breast and Technology to Support Breastfeeding เป็นเทคนิคและวิธีการที่จะปรับให้เด็กทารกให้สามารถดูดนมจากเต้าได้ Step 8: Measuring Milk Transfer เป็นวิธีการประเมินว่าเด็กป่วยได้รับน้ำนมแม่เพียงพอหรือไม่ Step 9: Preparation for  Discharge หรือการเตรียมพร้อมสำหรับแม่และเด็กป่วยก่อนกลับบ้าน และ Step 10: Appropriate Follow-up ซึ่งจะต้องมีการให้คำแนะนำช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมและต่อเนื่องเมื่อแม่และลูกกลับไปที่บ้าน เพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ประสบความสำเร็จ
          พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ระบุว่า ในแต่ละปี ประเทศไทยมีเด็กทารกและเด็กแรกเกิดที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมาก เด็กกลุ่มนี้มีโอกาสถูกแยกแม่-ลูก หรือถูกสั่งให้งดนมแม่ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับน้ำนมแม่ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่า และมีความสำคัญที่สุดในชีวิตของเด็กทารก
          "การดูแลส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับเด็กป่วยและเด็กคลอดก่อนกำหนด จะทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อแม่จะต้องพาลูกกลับบ้าน ก็จะช่วยให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ต่อเนื่องตามเป้าหมาย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับน้ำนมแม่ทัดเทียมกับเด็กปกติ เพื่อให้เด็กทุกคนได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กไทยที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติดียกกำลังสาม ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุข และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ภาคีเครือข่ายนมแม่จะต้องร่วมกันสนับสนุน ผลักดัน และขับเคลื่อนให้องค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย ไปสู่การเป็นนโยบายทางด้านสาธารณสุขของประเทศ จะทำให้การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งในเด็กที่ป่วยและไม่ป่วยของไทยประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น" พญ.ศิราภรณ์สรุป.

 


pageview  1205887    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved