ข้อถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นการทำแท้งในหมู่สาวอเมริกัน กลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของหน่วยงานสาธารณสุขประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการหาเหตุผลเพื่อนำเสนอทางป้องกันและการแก้ไขปัญหาให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะบรรจุเป็นหัวข้อในนโยบายของพรรคการเมือง ที่กำลังหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะสุขภาวะของผู้หญิงจากการทำแท้งนั้นกำลังบั่นทอนค่านิยมความเป็นมนุษย์ และคุณภาพชีวิตของสังคมตะวันตก
          จากรายงานข่าวพบว่า การที่ผู้หญิงอเมริกันที่ประสบปัญหาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตกงาน อกหัก หรือการมีรายได้น้อยลง เพราะต้องจ่ายค่าเช่าหรือผ่อนดาวน์บ้าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้พวกเธอตัดสินใจทำแท้ง ทั้งนี้พบว่าก่อนที่ผู้หญิงจะทำแท้งนั้น มากกว่า 57% พวกเธอต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันหรือปัญหาชีวิต เช่น การตกงานคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึงร้อยละ 20 รองลงมาเป็นปัญหาของการเลิกรากับแฟนหนุ่ม 16% และ 14% นั้นมีรายได้น้อยลงเพราะต้องจ่ายเงินค่าเช่าหรือผ่อนบ้าน ส่วนร้อยละ 12 ต้องย้ายงานหลายครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 10 ประสบกับปัญหาการที่เพื่อนสนิทเสียชีวิตและอีกร้อยละ 10 เช่นกันพบว่าคุณผู้หญิงเหล่านี้มีลูกอยู่แล้ว ปิดท้ายด้วยร้อยละ 7 ที่ได้รับประสบการณ์ความรุนแรงในครอบครัว พูดง่ายๆ ว่า "ผู้หญิงที่ยากจนนั้นมีแนวโน้มเกิดความเครียดในชีวิตจนนำมาสู่การทำแท้งได้ง่ายกว่าผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย" เนื่องจากพวกเธอไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกๆ ได้นั่นเอง
          อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจข้อมูลของผู้หญิงชาวอเมริกันที่ทำแท้งจำนวน 9,500 คนในปี 2008 พวกเธอได้ระบุว่า "จากประสบการณ์ในการทำแท้งของพวกเธอ มักมีเรื่องยุ่งยากใจที่เข้ามาพร้อมๆกัน ซึ่งทำให้ต้องตัดสินใจดังกล่าว นอกจากนี้เรื่องของปัจจัยด้านสังคม เศรษฐกิจ และการขาดความรู้ความเข้าใจที่ดีในเรื่องของการใช้ยาคุมกำเนิดก็เป็นอีกหนึ่ง
          เหตุผลที่พวกเธอเลือกใช้ทางลัดดังกล่าว"
          รายงานข่าวยังระบุว่า จากการสัมภาษณ์เชิงลึกในผู้หญิงจำนวน 49 คนซึ่งมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ในปี 2008 นั้น พวกเธอบอกว่า "การตัดความเครียดในชีวิตหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการลืมเรื่องของความยากจนและปัญหาด้านอื่นๆในชีวิตที่จะเป็นตัวก่อปัญหาการทำแท้ง หรือนำไปสู่ภาวการณ์ตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลจากการสูญเสียคนที่รัก เช่น คุณพ่อคุณแม่ จนนำมาสู่ปัญหาการหย่าร้างในครอบครัว หรือความเครียดที่เกิดจากการเลี้ยงดูลูกๆ เพียงลำพังจากความล้มเหลวในการแต่งงานรอบสองออกไป ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็มีส่วนลดปัญหาที่ผิดศีลธรรมดังกล่าวได้
          นอกจากนี้ การที่ภาครัฐปรับเปลี่ยนนโยบายในการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการคุมกำเนิด ให้เป็นรูปแบบการบริการที่ฟรีหรือไม่คิดเงิน และทำให้เข้าถึงการคุมกำเนิดง่ายขึ้น ด้วยการกระตุ้นหรือตอกย้ำบ่อยๆ ตลอดจนมีเคาน์เตอร์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิดที่ถูกวิธี ก็นับเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาท้องไม่พร้อม หรือลดการทำแท้งของชาวอเมริกันลงได้.