ไทยโพสต์ร่วมกับนักโภชนาการ ม.มหิดล-อย.เตือนกินน้ำบาดาลไม่ผ่านมาตรฐานเป็นอันตรายต่อร่างกาย ชี้ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำมีแร่ธาตุ"ซีลีเนียม-วานาเดียม" จากน้ำบาดาล แนะบริโภคอาหารทั่วไปก็เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการ
          กรณีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลค้นพบแหล่งน้ำบาดาลที่มีแร่ธาตุสำคัญคือ แร่ธาตุซีลีเนียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และเพิ่มความปึ๋งปั๋งให้ผู้ชาย และแร่ธาตุวานาเดียม ซึ่งมีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสได้มากขึ้น และช่วยในการทำงานของอินซูลิน สามารถช่วยรักษาโรคเบาหวาน
          รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ว่า แร่ธาตุวาเนเดียมและซีลีเนียมมีประโยชน์ต่อร่างกายจริง แต่สามารถพบได้ในอาหารที่บริโภคเป็นประจำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ร่างกายเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องการแร่ธาตุพวกนี้เพิ่ม และยังไม่ควรดื่มน้ำบาดาลที่มีแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้ในปริมาณมากเกินความจำเป็น เพราะร่างกายไม่ได้ต้องการแร่ธาตุดังกล่าวมากถึงกับต้องมาเติมเต็มในแต่ละวัน
          รศ.ดร.วิสิฐกล่าวว่า สำหรับแร่ธาตุวานาเดียมที่ช่วยดูดซึมกลูโคสได้มากขึ้นนั้น เป็นเพียงตัวเสริมการป้องกันโรคเบาหวานเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาหรือระงับอาการโรคให้หายได้ เพราะวิธีที่ถูกต้องคือ ต้องลดอาหารที่มีความหวาน ขณะเดียวกันในเชิงกฎหมายได้ระบุชัดเจนว่า แร่ธาตุนี้ควรบริโภคในปริมาณเท่าใดจึงจะดีต่อร่างกาย เมื่อนำไปผลิตบรรจุใส่ขวดจำหน่ายก็ต้องผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานที่ถูกต้อง และมีข้อความกำกับว่าควรบริโภคเท่าใดต่อวันจึงจะดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงอยากเตือนผู้ประชาชนไม่ควรจะบริโภคแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้เกินความจำเป็นของร่างกาย เพราะอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย
          ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า หากบริโภคน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุซีลีเนียมเกิน 0.4 มิลลิลิตรต่อวัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วง ผิวหนาขึ้น ระบบลำไส้ทำงานผิดปกติ และฟันผุ ในขณะเดียวกันการบริโภคน้ำแร่จากน้ำบาดาลที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีการปนเปื้อนของสารหนู แคดเมียม โครเมียม ตะกั่ว ปรอท และจุลินทรีย์ก่อโรค เป็นต้น ซึ่งหากบริโภคสะสมเข้าไปในปริมาณมากเป็นเวลานานอาจทำให้เสียชีวิตได้  ทั้งนี้ แร่ธาตุซีลีเนียมยังมีอยู่ในอาหารประเภทต่างๆ เช่น เครื่องในสัตว์ปลา หอย ข้าวต่างๆ ที่ยังไม่ได้สี กระเทียม เห็ด บร็อกโคลี หัวหอม มะเขือเทศ สำหรับแร่ธาตุวานาเดียมมีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อปลาและพริกไทยดำ เป็นต้น
          "อย.สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบาดาลเนื่องจากทรัพยากรน้ำมีจำกัดสำหรับการบริโภคน้ำจากแหล่งน้ำบาดาลโดยทั่วไปนั้นสามารถบริโภคได้ แต่ควรเป็นน้ำแร่ที่ได้ตรวจสอบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว และไม่ควรคาดหวังว่าการบริโภคน้ำที่มีแร่ธาตุดังกล่าวจะสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ทั้งนี้ หากมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสในการรักษาโรคให้หาย" นพ.พิพัฒน์กล่าว
          จากกรณีดังกล่าว กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ยังไม่เปิดเผยสถานที่ค้นพบแหล่งน้ำบาดาลที่มีแร่ธาตุสำคัญทั้งสองชนิดนี้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง เพราะเกรงว่าจะทำให้ประชาชนแตกตื่นสำหรับแร่ธาตุดังกล่าวพบเจอในพื้นที่ที่มีหินภูเขาไฟเท่านั้น.