ในช่วงเปิดเทอมอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าสื่อหลากหลายแขนงมักนำเสนอภาพของผู้ปกครองนักเรียนกระเป๋าฉีก อันเนื่องมาจากการที่ชุดนักเรียนนั้นขยับราคาสูงขึ้นหรือการนำทรัพย์สินไปจำนำตามสถานธนานุบาลต่างๆ เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อชุดนักเรียนให้กับลูกๆแต่บ่อยครั้งที่หลายคนลืมไปว่า การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนให้กับลูกนั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันในระหว่างช่วงปิดภาคเรียนที่กินเวลาหลายเดือนนั้น นอกจากจะช่วยกระตุ้นความกระฉับกระเฉงในการเปิดภาคเรียนวันแรกให้กับเด็กๆ ได้แล้ว ยังส่งเสริมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ไปสู่เด็กๆ อีกด้วย
          พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟูกุมารแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ สถาบันสุขภาพแห่งชาติมหาราชินี เผยว่า เนื่องจากการปิดภาคเรียนเป็นระยะเวลาที่ยาวนั้นอาจทำให้ลูกๆ ของคุณคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวัน เช่น การนอนตื่นสายดังนั้นถ้าเป็นไปได้คุณหมอแนะนำว่า ก่อนเปิดภาคเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะฝึกให้ลูกๆ ตื่นเช้ากว่าปกติ
          เพื่อที่จะได้ปรับตัวรับเช้าวันเปิดเทอมได้อย่างแจ่มใสไม่ง่วงเหงาหาวนอน นอกจากนี้น้องๆ ที่เปลี่ยนโรงเรียนใหม่ เช่น จากชั้นอนุบาลเป็นระดับประถมศึกษานั้น พญ.อดิศร์สุดาให้ข้อมูลว่า คุณพ่อแม่คุณแม่ควรที่จะพาลูกๆ ไปสำรวจโรงเรียนในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อสร้างความคุ้นเคยและสร้างความประทับใจให้กับวันแรกของการมาเรียน และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรพูดถึงโรงเรียนในแง่ดี เพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับลูกๆ
          คุณหมอได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ในกรณีของเด็กเล็กที่เพิ่งจะเข้าโรงเรียนนั้น วันแรกของการไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะอยู่เป็นเพื่อนลูกก่อนแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานนัก ขณะเดียวกันเมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่กลับไปทำงานก็ควรที่บอกกับลูก เพราะการที่ผู้ปกครองหนีกลับบ้านจะทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น และบางครั้งเด็กอาจเกิดอาการร้องไห้งอแง แต่จะหายไปในช่วงระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ส่วนช่วงเวลาของการมารับลูกกลับบ้านนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรมาให้ตรงเวลา เพราะเด็กอาจเกิดภาวะกังวล จากการที่เพื่อนๆชั้นเดียวกันกลับบ้านไปหมดแล้ว
          ส่วนการเตรียมความพร้อม โดยการทบทวนบทเรียนหรือเรียนพิเศษก่อนเปิดเทอมนั้น คุณหมออธิบายว่า เนื่องจากในช่วงเปิดภาคเรียนเด็กๆ มักจะเรียนหนักและอยู่กับหนังสือหรือตำราเรียนเป็นประจำแล้ว ดังนั้นจึงมองว่าในช่วงปิดภาคเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรจะหากิจกรรมที่มุ่งสร้างความผ่อนคลาย และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกมากกว่า เช่น ส่งเสริมการเล่นดนตรี กีฬา พูดง่ายๆ ว่าควรเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบ มากกว่ากิจกรรมที่ผู้ปกครองเป็นฝ่ายบังคับ เพราะกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เด็กมีสุขภาพจิตใจที่แจ่มใส และพร้อมที่จะเปิดรับการเรียนรู้ในช่วงเปิดเทอมได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งมั่นในการเรียนมากจนเกินไป
          มาถึงเรื่องของการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเพื่อนใหม่หาก ลูกๆ ต้องเปลี่ยนชั้นเรียนในช่วงเปิดภาคเรียนนั้น พญ.อดิศร์สุดาบอกว่า สามารถใช้หลักการเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นประถมศึกษาหรือชั้นมัธยมศึกษา โดยการที่ผู้ปกครองควรสอนให้ลูกๆ รู้จักที่จะมั่นใจในตนเอง วางตัวแบบสบายๆ ไม่ต้องเขินอาย และมองว่าเพื่อนๆในห้องเรียนก็เหมือนกับเรา ส่วนเด็กผู้หญิงที่ต้องเปลี่ยนจากโรงเรียนหญิงล้วน เป็นโรงเรียนสหศึกษานั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีลูกชาย เช่น ไปเที่ยวพักผ่อน ไปไหว้พระทำบุญร่วมกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคย และปรับความเคยชินหากต้องเรียนร่วมกับเด็กผู้ชาย เป็นต้น
          ท้ายนี้คุณหมอกล่าวว่า แม้การซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ให้กับลูกๆ ในช่วงเวลาเปิดเทอมนั้น จะไม่ใช่เรื่องผิดหรือไม่ใช่เรื่องที่ไม่ควรจะทำแต่การที่ผู้ปกครองรู้จักวางแผน โดยเลือกซื้อของใหม่เพื่อใส่สลับร่วมกับเสื้อผ้าชุดเก่าหรือซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับลูกเพียงแค่บางเทอม ในกรณีที่เสื้อผ้าชุดเก่ายังใส่ได้อยู่ เชื่อว่าก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ทางหนึ่งโดยเฉพาะครอบครัวที่มีสมาชิกค่อนข้างเยอะ.