HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 28/02/2562 ]
สัญญาณเตือนผู้ปกครองอย่ามองข้ามลูกฉี่รดที่นอน

 

          นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งจะถือว่าเป็นความผิดปกติต่อเมื่อเกิดขึ้นในเด็กที่ควรจะควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้แล้ว แต่เด็กยังควบคุมไม่ได้ คือเป็นในเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป โดยการปัสสาวะรดที่นอนเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน และไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือเกิดจากโรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
          ทั้งนี้ยังไม่พบสาเหตุเฉพาะของการเกิดปัสสาวะรดที่นอน แม้ภาวะปัสสาวะรดที่นอนส่วนมากจะหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว ทั้งในด้านจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคที่มาจากอาการปัสสาวะรดได้ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของโครงสร้างของระบบการขับถ่ายปัสสาวะ โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน เบาจืด เป็นต้น ฉะนั้นเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
          นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก แต่น่าจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม ความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมน ADH ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณปัสสาวะ การทำงานของกระเพาะปัสสาวะ โดยเด็กจะรู้สึกปวดปัสสาวะถึงแม้มีปริมาณปัสสาวะไม่มาก การนอนหลับ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกระยะของวงจรการนอนหลับ ความล่าช้าของพัฒนาการในการควบคุมการปัสสาวะ ท้องผูกเกิดจากก้อนอุจจาระกดทับกระเพาะปัสสาวะทำให้ความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลง นอกจากนี้ความเครียดอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการปัสสาวะรดเป็นมากขึ้น หรือทำให้อาการกลับมาเป็นใหม่ในเด็กที่เคยควบคุมการปัสสาวะได้แล้ว
          สำหรับเคล็ดลับช่วยลูกไม่ให้ฉี่รดที่นอน ก่อนอื่นผู้ปกครองควรมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องพัฒนาการในการควบคุมการขับถ่าย โดยจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จึงไม่ควรลงโทษ หรือตำหนิ แต่ควรแสดงความเข้าใจ และเป็นกำลังใจ รวมถึงการปรับพฤติกรรมโดยใช้แรงจูงใจทางบวก คือ มีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กจะได้รับเมื่อไม่ปัสสาวะรดที่นอน รวมทั้งสิ่งที่เด็กจะต้องปฏิบัติถ้าปัสสาวะรดที่นอน โดยให้สอดคล้องกับความสามารถของเด็ก หรือจะเลือกใช้เครื่องปลุกเตือนปัสสาวะรด เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน แต่ในประเทศไทยเครื่องมือดังกล่าวยังใช้ไม่แพร่หลาย อีกทั้งมีราคาค่อนข้างสูง
          วิธีที่ทำง่ายๆ คือ การฝึกกระเพาะปัสสาวะ โดยให้เด็กดื่มน้ำมากๆ ในช่วงกลางวันและเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะให้เด็กฝึกกลั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่วมกับปรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยปรับให้เด็กดื่มน้ำมากขึ้นในช่วงเช้าถึงบ่าย และลดการดื่มน้ำในช่วงเย็น โดยเฉพาะช่วง 2 ชม.ก่อนเข้านอนควรมีการจำกัดปริมาณน้ำ.
          นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งจะถือว่าเป็นความผิดปกติต่อเมื่อเกิดขึ้นในเด็กที่ควรจะควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้แล้ว แต่เด็กยังควบคุมไม่ได้ คือเป็นในเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป โดยการปัสสาวะรดที่นอนเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน และไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือเกิดจากโรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
          ทั้งนี้ยังไม่พบสาเหตุเฉพาะของการเกิดปัสสาวะรดที่นอน แม้ภาวะปัสสาวะรดที่นอนส่วนมากจะหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว ทั้งในด้านจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคที่มาจากอาการปัสสาวะรดได้ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของโครงสร้างของระบบการขับถ่ายปัสสาวะ โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน เบาจืด เป็นต้น ฉะนั้นเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
          นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก แต่น่าจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม ความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมน ADH ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณปัสสาวะ การทำงานของกระเพาะปัสสาวะ โดยเด็กจะรู้สึกปวดปัสสาวะถึงแม้มีปริมาณปัสสาวะไม่มาก การนอนหลับ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกระยะของวงจรการนอนหลับ ความล่าช้าของพัฒนาการในการควบคุมการปัสสาวะ ท้องผูกเกิดจากก้อนอุจจาระกดทับกระเพาะปัสสาวะทำให้ความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลง นอกจากนี้ความเครียดอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการปัสสาวะรดเป็นมากขึ้น หรือทำให้อาการกลับมาเป็นใหม่ในเด็กที่เคยควบคุมการปัสสาวะได้แล้ว
          สำหรับเคล็ดลับช่วยลูกไม่ให้ฉี่รดที่นอน ก่อนอื่นผู้ปกครองควรมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องพัฒนาการในการควบคุมการขับถ่าย โดยจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จึงไม่ควรลงโทษ หรือตำหนิ แต่ควรแสดงความเข้าใจ และเป็นกำลังใจ รวมถึงการปรับพฤติกรรมโดยใช้แรงจูงใจทางบวก คือ มีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กจะได้รับเมื่อไม่ปัสสาวะรดที่นอน รวมทั้งสิ่งที่เด็กจะต้องปฏิบัติถ้าปัสสาวะรดที่นอน โดยให้สอดคล้องกับความสามารถของเด็ก หรือจะเลือกใช้เครื่องปลุกเตือนปัสสาวะรด เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน แต่ในประเทศไทยเครื่องมือดังกล่าวยังใช้ไม่แพร่หลาย อีกทั้งมีราคาค่อนข้างสูง
          วิธีที่ทำง่ายๆ คือ การฝึกกระเพาะปัสสาวะ โดยให้เด็กดื่มน้ำมากๆ ในช่วงกลางวันและเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะให้เด็กฝึกกลั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่วมกับปรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยปรับให้เด็กดื่มน้ำมากขึ้นในช่วงเช้าถึงบ่าย และลดการดื่มน้ำในช่วงเย็น โดยเฉพาะช่วง 2 ชม.ก่อนเข้านอนควรมีการจำกัดปริมาณน้ำ.

 


pageview  1205137    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved