HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 25/07/2561 ]
อย.ดักคอผู้ผลิตอย่าฉวยโอกาสฉลากไขมันทรานส์

 เปิดชุดความรู้ "ความจริงไขมันทรานส์" อย. ข้อความติดฉลากแสดงไขมันทรานส์ให้ชัด อย่าฉวยโอกาสโฆษณาปลอดไขมันทรานส์ 0% นักวิชาการเผย แม้ไขมันทรานส์จะอันตรายกว่าไขมันอิ่มตัว แต่ปริมาณการได้รับของคนไทยยังน้อยกว่าไขมันอิ่มตัว ชี้การทอดซ้ำเกิดไขมันทรานส์น้อย ให้ไปกังวลในเรื่องไฮโดรคาร์บอนที่ทำให้เกิดมะเร็งดีกว่า แนะกินอาหารให้หลากหลายเพื่อสุขภาพ อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป
          เมื่อวันที่ 24 ก.ค.61 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนัก งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนัก งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  สถาบันโภชนาการมหาวิทยา ลัยมหิดล และเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดแถลงข่าว "ความจริงไขมันทรานส์" โดยมี น.ส.สุภัทรา บุญเสริม ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียง สินยศ อาจารย์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่ง เสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ และ นพ. ฆนัท ครุฑกุล เครือข่ายคนไทยไร้พุง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและโภชนาการวิทยาคลินิก โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกันแถลงข่าว
          น.ส.สุภัทรากล่าวว่า จาก การที่ อย.ในฐานะหน่วยงานบังคับ ใช้กฎหมาย ได้ร่วมกับมหาวิทยา ลัยมหิดลสำรวจสถานการณ์การใช้น้ำมันที่ผ่านไฮโดรเจนบางส่วนก่อให้เกิดไขมันทรานส์ที่เป็นอันตราต่อสุขภาพ และร่วมหารือกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เห็นพ้องกันว่ามีการใช้และมีอันตรายจริง จึงร่วมกันว่าจะไม่มีการใช้น้ำมันดังกล่าว กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันก็จะไม่ผลิต กลุ่มผู้ผลิตสินค้าก็จะมีการปรับสูตรต่างๆ  จนได้มีการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ม.ค.2562 เป็นต้นไป หรือหลังจาก 6 เดือนที่มีการประกาศ ทั้งนี้ก็ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะน้ำมันที่ใช้ตามบ้าน ทั้งน้ำมันปาล์ม น้ำมันพืช ยังสามารถใช้ได้ตามปกติ
          ผอ.สำนักอาหาร กล่าวว่า สิ่งที่ อย.ต้องติดตามเฝ้าระวัง หลังจากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ คือ การเฝ้าระวังสถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า สถานที่จำหน่ายอย่างเข้มงวด โดยอาจมีการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์กลุ่มเสี่ยง โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการบางรายใช้โอกาสนี้ในการโฆษณาในการ กล่าวอ้างว่า ผลิตภัณฑ์ปลอดไขมัน ทรานส์ หรือเป็น 0% บนผลิต ภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความ สับสน จึงให้ใช้ข้อความ "ปราศจาก/ ไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ซึ่งเป็นแหล่งหลักของไขมันทรานส์" และแสดงปริมาณไขมันทรานส์ได้เฉพาะในกรอบโภชนาการแบบเต็มร่วมกับการแสดงส่วนประกอบอื่นๆ เท่านั้น โดยให้แสดงไว้ที่ตำแหน่งใต้ไขมันอิ่มตัว และใช้หลักเกณฑ์เดียวกับไขมันอิ่มตัว ในกรณีฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาท ถึง 2 หมื่นบาท
          ผู้สื่อข่าวถามกรณีมีการระบุว่า ปลอดไขมันทรานส์ 0% จะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบอย่างไร น.ส.สุภัทรากล่าวว่า เพื่อให้เป็นธรรม อย.จะมีการตรวจสอบว่าข้อความดังกล่าวเป็นจริง โดยการส่งตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ซึ่งต้องไม่เจอจริงๆ ถึงจะไม่เป็นการโอ้อวด และข้อความดังกล่าวก็จะต้องแสดงในกรอบโภชนาการเท่านั้น
          รศ.ดร.วันทนีย์กล่าวว่า ไขมันทรานส์พบได้ในอาหารตามธรรมชาติ แต่พบเป็นจำนวนที่น้อย โดยปริมาณไขมันทรานส์ที่องค์การอนามัยโลก หรือ Who แนะนำคือจะต้องไม่เกิน 1% ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด ซึ่งวันหนึ่งควรได้รับพลังงาน 2,000 แคลอรี ดังนั้นใน 1 วันต้องได้รับเพียง 2 กรัม หรือ 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค โดยจากการที่สถาบันสุ่ม สำรวจการปนเปื้อนไขมันทรานส์ในการผลิตอาหารจำนวน 162 ตัวอย่าง โดยพิจารณาจากปริมาณ ไขมันทรานส์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ พบว่า 53% พบไขมันอิ่มตัวสูงกว่าเกณฑ์ประมาณ 13% พบไขมันทรานส์สูงกว่าเกณฑ์ และประมาณ 34% พบว่ามีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าเกณฑ์ สรุปว่าพบการปนเปื้อนไขมันทรานส์น้อยกว่าเมื่อเทียบกับไขมันอิ่มตัว สะท้อนว่าแม้ว่าไขมันทรานส์จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าไขมันอิ่มตัว แต่การได้รับไขมันทรานส์ในวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยน้อยกว่าความเสี่ยงในการได้รับไขมันอิ่มตัว ซึ่งการแก้ปัญหาของแต่ละประเทศที่มีบริบทการกินอาหารที่แตกต่างกัน บริบทการแก้ปัญหาก็แตกต่างกัน ซึ่งหลายประเทศก็แก้ปัญหาด้วยการแบนไขมันทรานส์ แต่ประเทศไทยก็ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเสี่ยง จึงต้องมีการออกเป็นกฎหมายควบ คุมออกมา ดังนั้นจึงขอให้ประชา ชนตระหนักในเรื่องของการรับประทานอาหารโดยการปรับเปลี่ยนรับประทานอาหารที่หลากหลาย และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป
          ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไขมันทรานส์ และเกิดความตื่นตระหนกในการบริโภค สสส.จึงร่วมกับ อย. สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดทำสื่อความรู้ที่เข้าใจง่ายและถูกต้องทางวิชาการเรื่อง "ความจริงไขมันทรานส์" เพื่อสื่อสารความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค อาทิ อาหารที่มีส่วนผสมของเนยขาว เนยเทียม เป็นส่วนประกอบ ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้ตามปกติในปริมาณที่เหมาะสม เพราะผู้ประกอบการได้ปรับสูตรและกระบวนการผลิตของเนยขาวและเนยเทียมที่ไม่ทำให้เกิดไขมันทรานส์แล้ว
          นพ.ฆนัทกล่าวว่า กล่าวว่า ไขมันทรานส์จะไปเพิ่มไขมันตัวร้าย และลดไขมันดี มีผลต่อสุขภาพในเรื่องหัวใจและหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องความจำเสื่อม เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด และภาวะโรคอ้วนได้มากขึ้น แต่ในการได้รับไขมันทรานส์จากอาหารตามธรรมชาติไม่ต้องกังวล เพราะไขมันทรานส์จำนวน มากๆ นั้นเกิดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม โดยขณะนี้ที่ประชาชนเกิดความกังวลว่าการทอดซ้ำจะเกิดไขมันทรานส์หรือไม่นั้น การทอดซ้ำนั้นไม่ได้มีการ เติมไฮโดรเจนบางส่วน แต่กระบวน การสามารถทำให้เกิดได้แต่ไม่มาก ซึ่งควรจะไปกังวลในเรื่องไฮโดร คาร์บอนที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งมากกว่า ทั้งนี้ไขมันทรานส์เป็นส่วนหนึ่งของความร่วม มือของหลายภาคส่วนเพื่อให้คนไทย มีสุขภาพที่ดี แต่ประชาชนก็ไม่ต้อง ตื่นตระหนก เพราะการที่จะมี สุขภาพที่ดีนั้นต้องมาจากการปรับ ชีวิต การกินอาหารที่มีประโยชน์ โดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ การลดอาหารทอด อาหารมัน กินเค้ก กินขนมได้ แต่ในปริมาณที่น้อยลง อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ก็ จะทำให้สุขภาพดีขึ้น.


pageview  1205006    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved