|
|
|
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 19/04/2556 ] |
|
|
|
|
รักลูกต้องดูดนมนอก |
|
|
|
|
จีนตอนนี้...มีแต่เรื่อง!!!
ตั้งแต่ต้นปีที่เจอควันพิษคลุมกรุงปักกิ่งแล้วมาโดนหวัดนกน้องใหม่กระจาย!!! พญามังกรแห่งเศรษกิจโลกชักจะดำรงชีวิตตะกุกตะกัก ยิ่งสังคมคนจีนสมัยนี้ เรียกกันว่า "ครอบครัว 4-2-1" หมายถึงปู่ ย่า ตา ยาน 4.พ่อแม่ 2 แล้ว ก็ลูกโทน เรื่องสรรหาอาหารสะอาดปลอดพิษทั้งหมดทั้งมวลจึงไหลทะลักให้กับทายาทหนึ่งเดียว
เพราะยังแหยงกับนมผงปนเปื้อนเมลามีนพะยี่ห้อ "เมด อิน ไชน่า" ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ที่ทำ "อาตี๋-อาหมวย" ซี้แง่กๆๆๆ ไตวาย 6 ศพ แล้วอีกราว 300,000 คน โตไปไม่แข็งแรงเพราะนิ่วในไต
แทนที่เซ็งลี้ขี้งกพอเลี้ยว ที่ไหนได้อีก 3-4 ปีต่อมา เดือนธันวาคมฯ '54 กับเดือนกรกฎาฯ '55 บริษัท เหมิงหนิว กับ บริษัท อีวา เดลี่ ก็ต้องโกยนมผงที่วางขายตามหิ้งทิ้ง เพราะพบสารอัลฟาท็อกซิน เชื้อราซึ่งมักพบในเมล็ดถั่ว
ไม่พอเดือนมิถุนาฯ ปีที่แล้ว บริษัท อี้ลี่ ก็เก็บนมผงเด็กหลังเจอสารปรอทเยอะมาก
ในเมื่อสินค้าในประเทศมันเฮงซวย ก็ต้องอาศัยตัวช่วย ทำให้ ณ ขณะนี้ บ้านไหนๆ ก็ชงนมให้ลูกกินแต่ของแบรนด์นอก ทั้งที่ฝากญาติซื้อ และสั่งทางออนไลน์ แม้คิดคำนวณค่าขนส่งค่าแพ็กของแพงฉิบกว่าก็...ยอม
พอแห่ไปซื้อหวังกักตุนใกล้ๆ ที่ฮ่องกง ทางรัฐบาลเขาก็เห็นท่าไม่ไหวถึงกับออกกฎตั้งลิมิตไม่ให้ชาวจีนซื้อเกินวันละ 2 กระป๋อง ฝ่าฝืนมีสิทธิเข้าห้องกรงสูงสุด 2 ปี+ปรับอีก 64,500 เหรียญ ฮ่องกง ราวๆ 240,000 กว่าบาท
ปรากฎการณืคลื่นสึนามิลูกค้าชาวจีนยังกระทบออกนอกฝั่งไปถึงร้านค้าปลีกในออสเตรเลียกับในอังกฤษ ทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องดีที่สินค้าขายออกเป้นเทน้ำเทท่า แต่อย่าลืมว่า คนจีนมีจำนวนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสัดส่วนเฉพาะประชากรประเทศต่างๆ ซึ่งหาก "อี" กว้านซื้อกันเป็นว่าเล่น แล้วผุ้บริโภคภายในประเทศล่ะ สุดท้ายก็เลยต้องใช้วิธีเดียวกับฮ่องกง
ภาครัฐของจีนเองก็ไม่ได้นั่งกระดินิ้ว เขาก็พยายามหนักหนาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพอาหารและยาควบอัตโฆษณาว่า โอกาสเลี่ยงนมเปื้อนมีแค่ 1%
...นี่ขนาดโฆษณายังฝอยได้ไม่เต็มร้อยเลยหรือ...เฮีย!?! |
| | |
|
| |