จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีการปรับปรุงอัตราค่าบริการของโรงพยาบาลและสถานบริการด้านสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงเพิ่มอีกประมาณ 10-15% นั้น นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในส่วนโรงพยาบาลศิริราชคงจะปรับตามความเป็นจริงตามต้นทุนจริงของโรงพยาบาล เช่น จากเดิมคิดเพียงค่ารักษาพยาบาลไม่คิดในเรื่องค่าอุปกรณ์และค่าเครื่องมือทางการแพทย์ แต่อนาคตจะรวมด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาการรักษาในหลายกลุ่ม โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระการขาดทุนมาโดยตลอด อาทิ ค่าการตรวจรักษาเบื้องต้น จะเก็บเพียงครั้งละ 80 บาท ก็อาจปรับเพิ่มเป็น 120 - 150 บาท เรื่องการปรับเพิ่มค่าบริการมีการวางแผนมาแล้ว 2-3 ปี ดังนั้นจะไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าแรง 300 บาท และเรื่องที่ปรับขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท
          ด้าน นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ รองผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มโรงเรียนแพทย์นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีการทบทวนปรบอัตราค่าบริการเช่นกัน จะมาหรือน้อยอยู่ที่เหตุผลของโรงเรียนแพทย์แต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ที่กังวลว่าภาคเอกชนจะเพิ่มอัตราค่าบริการด้วยหรือไม่ เชื่อว่าคงไม่เพิ่มมากกว่านี้ เพราะช่องว่างของอัตราค่าบริการค่อนข้างสูงอยู่แล้ว การปรับอัตราค่าบริการของสถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขถือว่ามีเหตุผลในการปรับขึ้น เชื่อว่าการปรับค่าบริการครั้งนี้น่าจะมีการปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้นด้วย
          นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า รพ.รามวฯ คงไม่ปรับขึ้นตาม แต่พิจารณาจากต้นทุนและความเป็นจริง การปรับเพิ่มไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีสิทธิในกองทุนสุขภาพรัฐแต่จะมีเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่จ่ายเงินเอง ซึ่งไม่ได้มากมายจนน่าวิตก ขณะที่สำหรับ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคม รพ.เอกชนกล่าวว่า การปรับอัตราค่าบริการของโรงพยาบาลรัฐนั้น เป็นเรื่องของการขึ้นราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเพื่อลดภาระขาดทุนที่โรงพยาบาลแบกสะสมไว้มากกว่า ไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาลเอกชน ประชาชนย่อมทราบถึงอัตราค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชนอยู่แล้วว่า แตกตบ่างกับโรงพยาบาลรัฐ เพราะถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
          นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การปรับอัตราค่าบริการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 กองทุน คือ 30 บาทรักษาทุกโรค ประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราขการ แต่การเพิ่มตรงนี้จะไปชาร์จเพิ่มในกองทุนนั้นๆมากกว่า ในความเป็นจริงก้ไม่ได้รับผลกระทบมาก ไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัวของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คาดว่าการปรับอัตราดังกล่าวจะพิจารณาตัวเลขที่เหมาะสมแล้วเสร็จ และผ่านการพิจารณาร่วมกับกรมบัญชีกลาง จะประกาศใช้ได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ส่วน รพ.เอกชนก็มีสิทธิจะปรับค่าบริการขึ้น เพราะค่าบริการไม่ใช่สินค้าควบคุมคิดว่ากระทรวงจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบราคาค่าบริการที่เหมาะสม ทั้งนี้จะดูในเรื่องค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ว่าเหมาะสมตามความเป็นจริงหรือไม่ด้วย สำหรับค่าบริการที่จะปรับเพิ่มขึ้นแยกเป็นประเภท อาทิ หัตถการที่มีราคาผ่าตัดสูง เช่น การเปลี่ยนปอด จากราคา 45,000 บาท เป็น 64,000 บาท ค่าเปลี่ยนหัวใจ จากราคา 45,000 บาท เป็น 64,000 บาท ค่าเปลี่ยนตับจากราคา 40,000 บาท เป็น 54,000 บาท รายการตรวจรักษาโรคโดยวิธีการพิเศษที่มีราคาสูง เช่น ค่าใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบถาวร ราคา 80,000 บาทต่อครั้ง เป็นต้น