นายมานะ เกลี้ยงทอง ผอ.สำนักบริการสวัสดิ การสังคม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า สถิติเด็กที่ถูกทอดทิ้งที่เข้ารับบริการในสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน สังกัด พส.8 แห่งทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2553 มีจำนวน 634 คน ปีงบประมาณ 2554 มีจำนวน 612 คน และปีงบประมาณ 2555 มีจำนวน 651 คน โดยสถานที่พบเด็กถูกทิ้งมากที่สุดคือโรงพยาบาล รองลงมาที่สาธารณะเช่น ห้องน้ำ ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ยังทิ้งให้กับผู้รับจ้างเลี้ยงและญาติ โดยจังหวัดที่พบการทอดทิ้งมากที่สุดคือ เชียงใหม่ ตามด้วย กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช และอุดรธานี สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการตั้งครรภ์นอกสมรส การตั้งครรภ์ขณะอยู่ในวัยเรียน มารดาย้ายถิ่นเข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อประกอบอาชีพ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ การหย่าร้างและแยกทางกับสามี อย่างไรก็ตาม สถานสงเคราะห์เด็กอ่อน 8 แห่งทั่วประเทศสามารถรองรับเด็กอ่อนได้ 2,340 คน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเด็กอ่อนในความอุปการะ 2,242 คน ทั้งนี้แต่ละสถานสงเคราะห์มีการบริหารจัดการ รวมทั้งมีเด็กที่ได้รับเป็นบุตรบุญธรรมกลับคืนสู่ครอบครัว ทำให้มีการหมุนเวียนเด็กในสถานสงเคราะห์ จึงทำให้สามารถรองรับเด็กที่ถูกทอดทิ้งได้เพียงพอกับจำนวนเด็กถูกทอดทิ้งที่มีเพิ่มมากขึ้น แต่แนวโน้มเชื่อว่าจำนวนเด็กถูกทอดทิ้งจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน จะทำให้มีเด็กและเยาวชนมาจากหลายช่องทาง เช่น ติดตามพ่อแม่ผู้ปกครองมา หรือหลบหนีเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย

นายมานะกล่าวด้วยว่า มาตรการป้องกันและลดอัตราเสี่ยงในการทอดทิ้งเด็กที่ พส.ดำเนินการคือ การให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประสบปัญหาทางสังคม เช่น บริการสายด่วนศูนย์ประชาบดี 1300 ซึ่งในปี 2556 จะปรับโฉมใหม่ โดยจัดให้มีบริการโมบายยูนิตเป็นรถสีบานเย็นของศูนย์ประชาบดี 1300 เคลื่อนที่เข้าถึงผู้ประสบปัญหาต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงที่ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำ ซึ่งลอตแรกจะออกให้บริการทุกจังหวัดจำนวน 300 คัน นอกจากนี้ ยังมีโครงการฝากลูกรักให้ พม.พ่อแม่ทดแทนเลี้ยง เป็นกระบวนการรับฝากดูแลเด็กในขณะที่พ่อแม่ไปเรียนหรือทำงาน สำหรับมาตรการอื่นๆ คือการสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจนหรือประสบปัญหา การส่งเสริมและพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน และสร้างความอบอุ่นในครอบครัวและการมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กของสมาชิกชุมชน