เพิ่งทำเรื่อง “ขึ้นภาษีเหล้าบุหรี่” ไปหมาดๆ คุณเบญจา หลุยเจริญ ก็ได้รับอานิสงส์ ย้ายจาก อธิบดีกรมสรรพสามิต ไปเป็น อธิบดีกรมศุลกากร สลับกับ คุณสมชาย พูลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นกรมภาษีที่ใหญ่ กว่าเดิม ผมก็ขอแสดงความยินดีกับ คุณเบญจา ไว้ตรงนี้วันนี้มาคุยเรื่อง ภาษีเบียร์ กันครับ วันวาน คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการตลาดสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ทายาทเบียร์สิงห์ ออกมาเสนอให้ขึ้นภาษีเบียร์คุณปิติ เสนอให้ กรมสรรพสามิต ปรับโครงสร้างภาษีเบียร์โดยให้ “เก็บภาษีตามดีกรีแอลกอฮอล์ในเบียร์” ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องไปแก้กฎหมายขยายเพดานการเก็บภาษีตามมูลค่า เพราะกฎหมายให้เก็บภาษีได้ 2 ฝั่ง คือร้อยละ 60 ตามมูลค่า หรือ 100 บาทต่อลิตรตามปริมาณแอลกอฮอล์ โดยเลือกฝั่งที่เก็บภาษีได้มากกว่าคุณปิติบอกว่า การปรับโครงสร้างภาษีเบียร์ โดยเก็บภาษีตามดีกรีแอลกอฮอล์ รัฐจะเก็บภาษีเบียร์ได้มากกว่าตามมูลค่าจากตัวเลขที่ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจการคลัง ร่วมกับ สถาบัน วิจัยทีดีอาร์ไอ เคยศึกษาเรื่อง อัตราภาษีเชิงดีกรีของเบียร์ที่เหมาะสม พบว่า อยู่ที่ 700 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หรือ 7 บาทต่อดีกรี สูงกว่าที่เก็บอยู่ในปัจจุบันถึง 7 เท่าเมื่อนำไปคำนวณเป็นภาษีแล้ว เบียร์อีโคโนมีขนาด 630 มล. จะต้องจ่ายภาษีให้รัฐขวดละ 27.50 บาท สูงกว่าการเก็บภาษีร้อยละ 60 ในเชิงมูลค่าในปัจจุบันคุณปิติ บอกว่า การเก็บภาษีเบียร์ตามดีกรี นอกจากจะเป็นไปตามหลักการสากลแล้ว ยังทำให้ผู้ผลิตเบียร์หันไปผลิตเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำลง เพื่อจ่ายภาษีให้ถูกลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคตรงนี้แหละครับ ที่ผมอ่านแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยทันที ทุกวันนี้โครงสร้างภาษีเบียร์ไทยมันเพี้ยน เหมือน ภาษีเหล้าขาว ที่เพี้ยน มีอย่างที่ไหน เบียร์ที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูง กินแล้วเมาเร็ว กลับเสียภาษีถูก แต่ เบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ กินแล้วเมาช้า กลับเสียภาษีแพง มันกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง เพียงเพื่ออุ้มสมประโยชน์ของบริษัทเบียร์ที่เป็นทุนการเมืองเท่านั้นคุณปิติ ยังให้ข้อมูลเบียร์เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเบียร์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ อีโคโนมี (ขายคนจน แอลกอฮอล์แรงที่สุด) สแตนดาร์ด และ พรีเมี่ยม การปรับเพดานภาษีเบียร์จากร้อยละ 55 เป็นร้อยละ 60 เมื่อปี 2552 ภาษีเบียร์สแตนดาร์ดสูงกว่าภาษีเบียร์อีโคโนมีขวดละ 7.50 บาท และ ภาษีเบียร์พรีเมี่ยมสูงกว่าเบียร์สแตนดาร์ดขวดละ 1 บาทเท่านั้นเมื่อภาษีเบียร์มันเพี้ยนเช่นนี้ ก็ส่งเสริมให้บริษัทเบียร์หันมาผลิตเบียร์อีโคโนมี ซึ่งเป็นเบียร์คนจนกันมากขึ้นทุกบริษัท เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด ขายในราคาถูก เพราะเสียภาษีถูก ผลก็คือ ตลาดเบียร์ราคาถูกดีกรีแรง ขยายตัวเติบโตอย่างรวดเร็ว คนจนหันมาดื่มเบียร์ถูกกันมากขึ้น เพราะเมาเร็วไม่แพ้เหล้าดีกรีแรง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการทำลายสุขภาพคนจนโดยตรงผมสนับสนุนให้ ขึ้นภาษีเบียร์ตามดีกรี อย่างที่ คุณปิติ ทายาทเบียร์สิงห์เสนอ และหวังว่า คุณสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิตคนใหม่ จะกล้าทำ โดยไม่เกรงกลัวเจ้าของเบียร์คนไหนจะตาเขียวใส่เขียนถึงเรื่องนี้แล้วผมก็เห็นด้วยกับข่าวที่ กระทรวงการคลัง จะกำหนด เพดานภาษีบาป 2% ที่ต้องจ่ายให้กับ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปีละ 3,400 กว่าล้านบาท แต่ใช้จ่ายกันอีลุ่ยฉุยแฉก ไม่ตรงวัตถุประสงค์ สสส.ได้เงินส่วนแบ่งภาษีไปมากขึ้น คนไทยกลับดื่มเหล้าเบียร์สูบบุหรี่กันมากขึ้น สะท้อน ผลงานที่ล้มเหลวของ สสส. เมื่อไม่มีผลงาน ก็ควรต้องทบทวน.“ลม เปลี่ยนทิศ”