เขมรผวาโรคมือเท้าปาก หอบลูกหลานนับหมื่นหนีตายทะลักเข้าไทยทางด่านชายแดนอรัญประเทศและจันทบุรี ผวจ.สระแก้ว สั่งตรวจเข้มเด็กเขมรทุกคน หากพบมีไข้จับส่ง รพ.ทันที ในขณะที่หนังสือพิมพ์ “พนมเปญโพสต์” พาดหัวยักษ์ “มอม บุญเฮง”รมต.สาธารณสุขกัมพูชา ยอมรับไวรัสมรณะคร่าชีวิตคนเขมรไปแล้ว 64 คน นอนป่วยรอความตายอีก 66 คน ส่วนผลตรวจผู้ป่วย 4 ราย ในศูนย์เด็กเล็กเมืองกาญจน์ ที่แท้ติดเชื้อไวรัส “ค็อกซากี่”คนละสายพันธุ์กับที่พบในเขมร สธ.สั่งเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด
          กระทรวงสาธารณสุขยังคงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากอย่างใกล้ชิด  หลังพบว่ามีการระบาดของเชื้อ “เอ็นเทอโรไวรัส 71” ในประเทศกัมพูชา ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 64 คนนั้น ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบว่าชาวกัมพูชาที่ตื่นกลัวเรื่องโรคระบาดมือเท้าปากพากันหอบลูกจูงหลานเดินทางข้ามชายแดนเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันนับหมื่นคน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอย่างเข้มงวด
          ส่วนชาวกัมพูชาในตลาดปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ แห่กันออกไปหาซื้อหนังสือพิมพ์ “พนมเปญโพสต์” ของกัมพูชา ฉบับวันที่ 10 ก.ค. เพื่อติดตามข่าวสารการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ซึ่งมีการตีพิมพ์ภาพเด็กชายชาวกัมพูชาคนหนึ่งป่วยเป็นโรคมือเท้าปากนอนรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในกัมพูชา และยังพาดหัวยักษ์ว่านายมอม บุญเฮง รมต.สาธารณสุขกัมพูชา ยอมรับว่าเกิดโรคระบาดทำให้เด็กป่วย 66 คน เสียชีวิตแล้ว 64 คนจริง โดยผู้ป่วยและเสียชีวิตอยู่ที่ รพ.กนบุปผา ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ทั้งหมด พร้อมเตือนให้คนกัมพูชาระมัดระวังดูแลสุขภาพ
          พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสด์ รอง ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เผยว่า นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ได้สั่งการให้ ด่าน ตม.อรัญประเทศ เข้มงวดกวดขันชาวเขมรโดยเฉพาะเด็กๆชาวเขมรที่พ่อ แม่ ค้าขายในตลาดโรงเกลือ ให้มีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นว่ามีเด็กชาวเขมรมีอาการเป็นไข้สูงหรือมีอาการของโรคหรือไม่ หากพบว่ามีเด็กเป็นไข้สูงให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือโรงพยาบาล มาตรวจสอบโดยด่วน เบื้องต้นยังไม่พบเด็กชาวเขมรเป็นไข้เดินทางเข้าประเทศไทย นอกจากนี้ ชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ตื่นกลัวโรคนี้กันมากต่างพาลูกหลานเข้ามานอนในฝั่งไทย ตอนเช้าก็จะนำลูกหลานส่งไปโรงเรียนในฝั่งกัมพูชา และจากการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาในฝั่งปอยเปต แจ้งว่าโรคดังกล่าวยังไม่ระบาดเข้ามาใน จ.บันเตียเมียน–เจย หรือในกรุงปอยเปต
          เช่นเดียวกับบริเวณจุดผ่อนปรนและจุดผ่านแดนถาวรด้าน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ข่าวการเกิดโรค ระบาดในกัมพูชา ทำให้ชาวเขมรที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตื่นกลัวหอบลูกหอบหลานหนีข้ามชายแดนเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่องตลอด ทั้งวัน โดยนายฮวน วัน ชาว จ.พระตะบอง กัมพูชา
          กล่าวว่าตนและเพื่อนบ้านไม่กล้าอยู่ในกัมพูชา เพราะกลัวจะติดโรค ได้พากันหนีเข้ามายังฝั่งไทยจนกว่าโรคจะหายจึงค่อยกลับไป ในขณะที่ นพ.ชรัตน์ วสุธาดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับกรุงไพลิน และ จ.พระตะบอง กัมพูชา ขณะนี้ยังไม่พบมีใครได้รับเชื้อ
          ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี นพ.อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงอาการป่วยโรคมือเท้าปากของนักเรียนในศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ต.บ้านใต้ อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 4 คน ว่า เชื้อไวรัสที่พบในเด็กทั้ง 4 คน คือ ค็อกซากี่ เป็นไวรัส ติดต่อได้ทางเสมหะ หรือสัมผัสสิ่งของ เป็นเชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรง ไม่สามารถทำให้เด็กนั้นเสียชีวิตได้ ต่างจากเชื้อไวรัสชนิด เอ็นเทอโรไวรัส 71 ที่กำลังระบาด
          ในกัมพูชา ขณะนี้ไม่พบการแพร่ระบาดแต่อย่างใด สำหรับศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้ มีเด็กทั้งหมด 155 คน ได้สั่งปิดศูนย์ชั่วคราวเป็นเวลา 7 วัน พร้อมประสานผู้ปกครองมารับบุตรหลานกลับไปหมดแล้ว
          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่พบเด็กกัมพูชาป่วยและเสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากประมาณ 64 คน ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าเกิดจากเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นชนิดรุนแรงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้นั้น จากการประเมินสถานการณ์ของโรคมือเท้าปาก ในประเทศไทยขณะนี้พบว่ายังไม่น่าวิตก และโรคนี้เป็น 1 ใน 57 โรค ที่ สธ.เฝ้าระวังต่อเนื่องทุกปี ในรอบ 6 เดือนปีนี้พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากประปรายกระจายหลายจังหวัด ยังไม่พบการระบาดของโรคเป็นกลุ่ม โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 ก.ค. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วย 10,813 ราย ร้อยละ 72 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ และยังไม่มีผู้เสียชีวิต
          นพ.พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หากพบมีเด็กป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก ในห้องเรียนเกิน 2 คน ให้ปิดห้องเรียนนั้นแล้วทำความสะอาด หากพบผู้ป่วยในระดับชั้นเรียนเดียวกันเกิน 3 คน ต้องปิดการเรียนการสอนทั้งระดับชั้น และหาก พบผู้ป่วยกระจายในระดับชั้นเรียนต่างๆ เกิน 5 ห้องเรียน จะต้องปิดสถานศึกษาชั่วคราว (ประมาณ 5-7 วัน) เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดกลุ่มใหญ่ หลังจากนั้นควรทำความสะอาดโรงเรียนอย่างละเอียดทันทีเพื่อฆ่าเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ในโรงเรียนจะต้องสอนให้เด็กล้างมือให้ถูกวิธี  เพราะเชื้อโรคจะอยู่ในอุจจาระของเด็กถ้าไม่ทำความสะอาดอาจได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายเมื่อเด็กจับอาหารเข้าปาก
          “โรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่ไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาเฉพาะ แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาทาแก้ปวดในรายที่มีแผลที่ลิ้นหรือกระพุ้งแก้ม  ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กควรดูแลอย่างใกล้ชิด เช็ดตัวเด็กที่ป่วยเพื่อลดไข้เป็นระยะ รับประทานอาหารอ่อนๆ นอนพักผ่อนมากๆ หมั่นดูแลความสะอาดเสมอ และแนะนำให้เด็กล้างมือที่สะอาดด้วยน้ำและสบู่ให้ถูกวิธีทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร  หลังการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมด้วย” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว