HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 06/07/2555 ]
โรงกลั่น/คลังน้ำมันบางจากระเบิดเพลิงกลางกรุง

ช่วงเวลา 07.30 น. เช้าวันพุธ ประชาชนรอบ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซอยสุขุมวิท 64 ต่างรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดสองครั้ง ก่อนจะเกิดเปลวไฟและควันโขมงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า โชคดีที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นในตอนเช้า เป็นช่วงที่ลมบกพัดออกทะเล ควันพิษจึงพัดออกจากเมืองไปทางทะเล แต่ช่วงบ่ายเมื่อลมทะเลพัดกลับ ควันพิษที่หลงเหลือก็จะพัดกลับสู่ชุมชนรอบโรงกลั่น
          อุบัติเหตุครั้งนี้ ข่าวตอนแรกบอกว่าไฟไหม้ท่อน้ำมันรั่ว แต่ทางบริษัทรายการตลาดหลักทรัพย์ว่า เกิดการติดไฟที่หอแยกน้ำมันก๊าดในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ส่วนหน่วยกลั่นอื่นไม่ได้รับความเสียหาย
          อุบัติเหตุไฟไหม้ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองแล้ว เมื่อต้นปี 2553 โรงกลั่นน้ำมันบางจากก็เกิดไฟไหม้ สร้างความแตกตื่นแก่ชุมชนโดยรอบ ไฟไหม้โรงกลั่นบางจากครั้งนั้น ผมได้เขียนเสนอให้ย้ายโรงกลั่นน้ำมันบางจากและคลังน้ำมันช่องนนทรีออกไปจากกรุงเทพฯเสียที เพราะ สองแห่งนี้มีน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปรวมกันกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปล่อยให้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงอย่างนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง มันเหมือน “ระเบิดเพลิง” ลูกมหึมาที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างเป็นจุณถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมา
          โชคดีที่ระบบอัตโนมัติโรงกลั่นทำงาน ปิดระบบการส่งน้ำมันตามท่อทันที ทำให้สามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามได้ในเวลาอันรวดเร็ว
          แต่พอเหตุการณ์สงบก็คงไม่ใครสนใจปัญหาที่เกิดขึ้นอีก สังคมไทยก็เป็นอย่างนี้เป็น “สังคมไฟไหม้ฟาง” ต้องรอให้เกิดขึ้นอีก ค่อยมาร้องแรกแหกกระเชออีก
          คุณหมอสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข บอกว่า ควันดำ จากไฟไหม้โรงกลั่น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนรอบโรงกลั่น 3 ด้าน คือ 1.สารไฮโดรคาร์บอน ที่แพร่กระจาย ทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจ โดยเฉพาะคนเป็นโรคหอบหืด มีผลต่อเม็ดเลือด ระบบประสาท และอาจมีสารก่อมะเร็ง 2.เขม่าดำ ทำให้เกิดระคายเคืองทางเดินหายใจและผิวหนัง 3.ก๊าซอันตราย 3 ชนิด คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และ ไนโตรเจนออกไซด์ แต่คาดว่ามีผลกระทบไม่มาก เพราะสัมผัสในระยะสั้น ระดับอันตรายคือ 5 พีพีเอ็ม
          ก็ต้องรอดูผลการตรวจวัดของ กรมควบคุมมลพิษ กันต่อไป
          ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม สั่งให้ปิดโรงกลั่นน้ำมันบางจาก 30 วัน แต่โรงกลั่นบางจากรายงานตลาด หลักทรัพย์ว่า จะปิดแค่ 7 วัน และ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ ได้พูดถึงการจัดการกับโรงกลั่นน้ำมันบางจากว่า มีอยู่ 2 แนวทางคือ เวนคืนที่ดินชุมชน หรือ ย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกไป แต่ยังไม่มีความเห็น ต้องรอปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเสียก่อน
          แนวทางที่หนึ่ง ผมคิดว่าท่านรัฐมนตรีเลิกคิดไปได้เลย ไม่มีเมืองหลวงที่ไหนในโลก ยอมให้มีโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงอย่างนี้ ถ้ามีสงคราม ข้าศึกโจมตีโรงกลั่นและคลังน้ำมันอย่างเดียว กรุงเทพฯก็ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง
          ทางออกที่ดีที่สุดคือ แนวทางที่ 2 ซึ่งผมเคยเขียนเสนอไปหลายครั้ง ย้ายโรงกลั่นน้ำมันบางจากและคลังน้ำมันออกไป จะใช้เงินเป็นแสนล้านบาทก็ต้องยอม หรือไม่ก็เลิกโรงกลั่นน้ำมันบางจากไปเลย เพราะเป็นโรงกลั่นเก่า ทุกวันนี้เมืองไทยมีโรงกลั่นน้ำมันมากถึง 7 โรง กลั่นน้ำมันได้วันละเกือบ 1.2 ล้านบาร์เรล มากเกินไปจนเหลือใช้ในประเทศ ต้องส่งออก
          โรงกลั่นบางจากกลั่นน้ำมันได้วันละ 120,000 บาร์เรล เลิกไปก็ไม่มีผลอะไร
          ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องตัดสินใจเสียที จะ “ย้าย” หรือ “เลิก” โรงกลั่นน้ำมันบางจาก กรุงเทพฯ ไม่ควรให้มี “คลังน้ำมันกว่า 5 ล้านบาร์เรล” ที่เหมือนระเบิดนาปาล์มมาตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงอย่างนี้.
 


pageview  1205847    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved