แนวทางรักษา น้องกลิ้งวัย13 แห่ช่วยบริจาค ยอดกว่า8แสน
          แห่รุมช่วย “น้องกลิ้ง” เด็กอ้วนน้ำหนักตัวกว่า 200 โล เป็นใบ้และป่วยออทิสติก รอง ผวจ.นครสวรรค์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเยี่ยมที่บ้าน นำเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินสดมอบให้ครอบครัว พร้อมประสานรถกู้ชีพมารับตัวส่งโรงพยาบาลทันที ต้องให้พ่อมาช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้ลุกจากเตียง มีเจ้าหน้าที่ร่วม 10 คนช่วยกันประคองร่างดันขึ้นรถทุลักทุเล แพทย์เผยขั้นตอนการรักษาตัวเริ่มด้วยวิธีลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กินแต่ของต้มนึ่ง งดอาหารทอดและของหวานเด็ดขาด
          กรณีนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากญาติของ ด.ช.เอกรินทร์ หรือน้องกลิ้ง แก้วกิจจา อายุ 13 ปี เด็กอ้วนน้ำหนักตัวกว่า 200 กก. เป็นใบ้และป่วยออทิสติก พักอาศัยอยู่กับตาวัยชราและญาติ ที่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 7 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ น้องกลิ้งใช้ชีวิตอย่างยากลำบากด้วยน้ำหนักตัวที่มากต้องนั่งหลับเพราะหายใจติดขัด ครอบครัวฐานะยากจน แม่เสียชีวิตไปนับสิบปี พ่อไปมีครอบครัวใหม่แต่ยังแวะเวียนมาหาลูกชายที่ตายายเป็นคนเลี้ยงดู กระทั่งเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ยายที่ดูแลน้องกลิ้งเสียชีวิตไปอีกคน ญาติเกรงว่าหากไม่ได้รับการรักษาตัวอาจ เป็นอันตรายถึงชีวิต
          หลังจากเรื่องราวชีวิตน่าสงสารของน้องกลิ้งถูกเผยแพร่ออกไป ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 เม.ย. นพ.ธราเทพ วิชัยโย นายแพทย์ชำนาญการ รพ.บรรพตพิสัย นางอรุณี เต็งสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปเยี่ยมน้องกลิ้งที่บ้าน พบนายเฉลียว แจ่มประแดง อายุ 83 ปี ผู้เป็นตาและญาติคอยดูแลหลานชายอย่างใกล้ชิด สอบถามทราบว่า ที่ผ่านมาญาติเคยพาน้องกลิ้งไปรักษาอาการมาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้รักษาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ร่างกายมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับน้องกลิ้งเป็นคนกินเก่งโดยเฉพาะของหวาน และเป็นเด็กโมโหร้าย ถ้าไม่ได้กินจะทำร้ายร่างกายตัวเองและทำลายสิ่งของรอบข้างจนทำให้คนดูแลต้องเอาของให้กินถึงจะหยุด
          นพ.ธราเทพ เผยถึงแนวทางการรักษาว่า เบื้องต้นจะใช้วิธีลดน้ำหนัก โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของน้องกลิ้ง จะให้กินของประเภทต้มนึ่ง ไม่ให้กินของทอดและลดของหวาน เพื่อไม่ให้มีภาวะแทรกซ้อนจะต้องให้น้องกลิ้งนั่งนอนเพื่อให้หายใจได้ดี ไม่มีน้ำหนักกดทับบริเวณช่องหายใจ เบื้องต้นน้องกลิ้งสามารถเดินเองแต่ยังเดินได้ไม่ไกล และช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
          ในช่วงบ่าย นายปรีชา เดชพันธุ์ รอง ผวจ.นครสวรรค์ พร้อมกาชาดจังหวัดนครสวรรค์ สมาคมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กอ.รมน. สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ นายอำเภอบรรพตพิสัย เดินทางไปเยี่ยมน้องกลิ้ง พร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรวมถึงเงินสดจำนวนหนึ่งมามอบให้ครอบครัว ขณะเดียวกันมีคำสั่งด่วนให้อำเภอบรรพตพิสัยและสาธารณสุขอำเภอ รีบส่งตัวน้องกลิ้งเข้ารักษาตัวที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ โดยเร่งด่วน สำหรับครอบครัวน้องกลิ้งได้รับสิทธิสวัสดิการจากภาครัฐประกอบด้วย เบี้ยผู้พิการของเด็ก เบี้ยผู้สูงอายุของตา และบัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ขณะเดียวกันมีผู้บริจาคผ่านบัญชีเพื่อช่วยเหลือกว่า 8 แสนบาท
          ต่อมาเจ้าหน้าที่อนามัยเขาห้วยลุงประสานขอรถกู้ชีพของเทศบาลบ้านแดนมารับตัวน้องกลิ้ง หลังจากอาบน้ำและสวมใส่เสื้อผ้าให้น้องกลิ้งแล้ว นายพงษ์พิจิตร แก้วกิจจา อายุ 39 ปี พ่อของน้องกลิ้งมาช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายลุกขึ้นจากเตียง มีเจ้าหน้าที่ร่วม 10 คนช่วยกันประคองขึ้นรถกู้ชีพอย่างทุลักทุเล พอขึ้นไปนั่งบนรถได้เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จัดของแล้วปิดประตูรถขับพาไปส่ง รพ.สวรรค์ประชา-รักษ์ ทันที เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ พยาบาลตรวจร่างกายน้องกลิ้งเบื้องต้นก่อนวางแนวทางการรักษาตามขั้นตอนต่อไป
          นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯกล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องทุกข์ได้ประสานไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์แล้ว ผวจ.นครสวรรค์ ได้รับทราบและสั่งการให้นายปรีชา เดชพันธุ์ รอง ผวจ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปช่วยเหลือทันที เรื่องแรกที่ต้องทำคือเรื่องสุขภาพเพราะน้องมีน้ำหนักตัวถึง 200 กก. และเคยเข้ารักษาอาการทางจิตเวช หลังจากข่าวออกไปมีหลายคนให้ความสนใจและให้ความช่วยเหลือจำนวนมาก ทางมูลนิธิปวีณาฯก็โล่งอกและขอขอบคุณผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือทุกคน