HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 06/07/2555 ]
ปรับสภาพผิวหน้าอย่างไรให้เหมาะสม

รศ.พญ.เพ็ญพรรณ วัฒนไกร
          หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
          คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
          สืบเนื่องจากหลายฉบับก่อน ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสารเอเอชเอ ที่มีผลต่อการปรับสภาพผิวหน้า ซึ่งสาว ๆ รปรับสภาพผิวหน้า ซึงสาว ๆ หลายคนมักสงสัยว่าสารตัวดังกล่าวนี้คืออะไร มีวิธีการใช้อย่างไร หลังจากนำเสนอออกไปแล้ว ก็ยังมีสาว ๆ ถามกันมาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับสภาพผิวหน้าว่าควรทำอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ควรมีการเตรียมตัว และควรทราบถึงผลของการปรับสภาพผิวหน้ากันอย่างไรบ้างการปรับสภาพผิวหน้าคืออะไร
          การปรับสภาพผิวหน้าเป็นการใช้น้ำยาที่มีสารเอเอชเอ ซึ่งสกัดจากผลไม้ทาลงไปที่ผิวบริเวณที่ต้องการจะปรับสภาพในระยะเวลาที่เหมาะสมแล้วล้างออก เพื่อให้ผิวหนังนุ่มนวลและอ่อนเยาว์ขึ้น สารที่สกัดนี้จะไม่ระคายเคืองและไม่ทำให้ผิวบริเวณนั้นเวณนนบางหรือหลุดลอกออกเป็นแผ่นเหมือนการทำเบบี้เฟซ
          ซึ่งผลของการปรับสภาพผิว ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงและใช้รักษาสิวเสี้ยนได้ ทั้งยังสามารถใช้ปรับสภาพผิวที่เสื่อมสภาพ หมองคล้ำ โดยเฉพาะผิวที่หยาบกร้านต่อแสงแดดมานาน ช่วยขจัดรอยเหี่ยวย่นเล็ก ๆ บนใบหน้า ช่วยให้ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าจางลง ทำให้สีผิวดูกลมกลืนมากขึ้น ช่วยให้ผิวหนังนุ่มใส ดูอ่อนเยาว์ขึ้น และยังทำให้แผลเป็น รวมทั้งรอยด่างดำที่เกิดจากสิวตื้นขึ้นได้
          จำนวนครั้งของการปรับสภาพผิวที่สามารถทำได้ ต้องอธิบายว่า การปรับสภาพผิว หากทำโดยถูกต้อง ก็สามารถทำได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นผลที่สะสมจากการทำแต่ละครั้ง ดังนั้นในช่วงแรกของการปรับสภาพผิวจะต้องทำทุก1-2 สัปดาห์ ประมาณ 5-6 ครั้ง หลังจากนั้นอาจทำห่างกันออกไปเป็นเดือนละ1-2 ครั้ง
          ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิว จึงควรมีการเตรียมตัวสำหรับการปรับสภาพผิว โดยคืนก่อนและ 1วันหลังจากมารับการปรับสภาพผิว
          หน้า ให้งดยาทาทุกชนิด เช่น ยารักษาสิว ยาทาฝ้า ยาเอเอชเอ หากพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถกลับไปใช้ยาต่าง ๆ ไปัไปใได้ตามปกติ ในวันที่สองหลังเช็ดน้ำยาปรับสภาพผิว
          ส่วนผลที่เกิดขึ้นหลังการปรับสภาพผิว พบว่า ในขณะที่ทำอาจรู้สึกยิบ ๆ เล็กน้อย ซึ่งเป็นเพียงชั่วครู่ แล้วจะหายไปเอง หลังการปรับสภาพ ผิวหนังมักเป็นปกติ และสามารถแต่งหน้าได้ ยกเว้นบางกรณีอาจมีผิวหนังลอกเป็นขุยเล็กน้อย ซึ่งจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ด้วยการทาครีมบำรุงผิว
          การดูแลผิวหนังหลังการปรับสภาพผิว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ หลังทำการปรับสภาพผิว เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้น เนื่องจากแสงแดดอาจทำให้ผิวแสบระคายและดำคล้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกแดดไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่าแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหนังหมดสภาพเร็วขึ้น เกิดรอยเหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ รวมทั้งมะเร็งของผิวหนัง
          ดังนั้นการใช้ยากันแดดที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะได้รับการรักษา โดยการปรับสภาพผิวหรือไม่ โดยทาบริเวณหน้า และส่วนของผิวหนังที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนออกจากบ้าน
          ข้อมูลสำคัญอีกประการคือ ขั้นตอนภายหลังจากการได้รับการรักษาผิวหน้า จะทำให้รู้สึกว่าผิวหน้าค่อย ๆ เนียนเรียบ สดใสขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำจะค่อย ๆ ดีขึ้น สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้ามาก ก็สามารถมีผิวที่ดีได้หลังรับการรักษา แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษามากขึ้น
          หากไม่แน่ใจในขั้นตอนการปรับสภาพผิว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนจะเริ่มทำการใด ๆ บนผิวหน้า เพราะผิวหน้าเป็นส่วนที่อ่อนนุ่ม จึงควรให้ความสำคัญเป็นอย่างดี.
 


pageview  1205915    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved