คำว่า "เพื่อน" ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขต หรือกฎข้อบังคับกำหนดไว้ตายตัว อยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดและความพอใจของแต่ละคนมากกว่า เช่นเดียวกับความผูกพันระหว่างเพื่อนซี้ ฌาน ชานนท์ ผอ. ฝ่ายการตลาด ห้างสรรพสินค้าเซน และ ต้อง-นพ.วรพล สุขีวัฒนา แพทย์ผิวหนัง ประจำ รพ. บีเอ็นเอช เจ้าของสกรีนดอร์ คลินิก ที่ใช้เพียงความจริงใจเชื่อมโยงผูกพันเป็นเพื่อนกัน คุณฌานเล่าถึงจุดเริ่มของคำว่า "เพื่อน" ว่า มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันในงานอีเวนต์เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยความที่ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผิวหนัง และฌานชอบดูแลเรื่องผิวพรรณเป็นพิเศษจึงทำให้คุยกันถูกคอ เพราะต้องแนะนำเรื่อง การดูแลผิวให้มีสุขภาพดี บังเอิญช่วงนั้นต้องกำลังเปิดคลินิกดูแลผิวพรรณใหม่ ๆ จึงมาปรึกษาเรื่องทำการตลาด ซึ่งต่างก็แลกเปลี่ยนความรู้ที่ตัวเองถนัด จนกลายเป็นความสนิทและไว้ใจกัน
          ด้านต้อง-นพ.วรพล เพื่อนสนิทที่นั่งข้าง ๆ ขอสารภาพความรู้สึกดี ๆ ต่อหน้าว่า ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกรู้สึกถูกชะตา ยิ่งพอได้พูดคุยรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานานมาก อาจเป็นเพราะเราสองคนมีไลฟ์สไตล์ความชอบคล้ายกัน ทั้งเรื่องกิน การแต่งตัว การออกกำลังกาย เพราะต่างฝ่ายต่าง ใส่ใจเรื่องสุขภาพมาก ๆ สิ่งสำคัญที่ทำให้จากคนที่ไม่เคยรู้จัก กับมาสนิทกันและกลายมาเป็นเพื่อนรักกันคือ ความจริงใจที่เขามอบให้ตั้งแต่แรกเจอ หลังจากนั้นนัดกินข้าวกัน เจอหน้ากันและโทรศัพท์คุยปรึกษาถามทุกข์สุขกันทุกวัน รวมถึงคุยผ่านวอทแอพ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม แชร์ภาพความประทับใจในแต่ละวัน หรือวันไหนว่างตรงกันก็ชวนกันช้อป
          "ฌานเหมือนเป็นสไตลิสส่วนตัวให้ผม เวลาเลือกซื้อของแต่ละอย่างปรึกษาเขาเป็นคนแรก เพราะเชื่อมือในการเลือกของที่ไม่มีตกเทรนด์ เพราะฌานอัพเดทเทรนด์แฟชั่นตลอดเวลา สามารถบอกได้ว่าแบบไหนที่กำลังฮอต แบบไหนที่คนใช้กันมากจะไม่แนะนำให้ซื้อ จึงเหมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันทุกอย่าง"
          นอกจากเรื่องส่วนตัวที่ทั้งคู่ไว้วางใจนำมาปรึกษาหารือกันเสมอ ๆ ยังมีเรื่องธุรกิจที่ไว้ใจนำมาเล่าสู่กันฟังด้วย "อย่างที่บอกว่าต้องเพิ่งเปิดคลินิกได้ไม่นาน จึงมาขอคำแนะนำเรื่องทำการตลาด ว่าควรทำอย่างไรบ้าง จึงคิดว่าถ้าคนไม่ไว้ใจกันจะไม่กล้าพูดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ให้ใครฟังอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ต้องกลับเล่าให้ฟังทุกอย่าง ต้องไม่ได้เข้ามาเป็นเพื่อนเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่เข้ามาด้วยความจริงใจ จึงไม่แปลกว่าทำไมเราสองคนถึงสนิทกันและไว้ใจกันมาก" คุณฌานย้ำความผูกพัน
          ความสนิทสนมของทั้งคู่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ไม่ชัดเจน แต่การสนิทสนมและการรู้ใจกันแสดงออกผ่านการเลือกเสื้อผ้า ของใช้ อาหารให้ถูกใจอีกฝ่ายได้โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถาม เพราะ ต่างคนต่างรู้ว่าใครชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงเป็นเหตุผลให้ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนความห่วงใยกันทั้งคุณฌานและคุณต้องห่วงใย และดูแลกันเหมือนเป็นคนในครอบครัว จึงส่งมอบความห่วงใยผ่านการโทรศัพท์คุยกัน ถามความเป็นไปในแต่ละวัน อาทิ งานวันนี้ยุ่งหรือไม่ กินข้าวหรือยัง
          "เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ช่วงนี้ฌาน ทำงานหนัก อยากให้กินอาหารที่มีประโยชน์เพราะฌาน ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนบ่อย ๆ และควรออกกำลังบ้าง พักผ่อนให้เพียงพอ และอย่านอนดึกมาก" คุณต้องบอกถึงความห่วงใยเพื่อนซี้ ส่วนคุณฌานบอกถึงความห่วงใยคุณต้องว่า เรื่องสุขภาพไม่ห่วงมากนัก เพราะต้องเป็นคุณหมอที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง
          อีกสิ่งหนึ่งในความเป็นเพื่อนที่ทั้งคู่คิดเห็นเหมือนกัน และอยากฝากไปถึงคู่เพื่อนซี้คนอื่น คุณฌานและคุณต้องฝากไว้ว่า "เวลาที่เราจะคบใครเป็นเพื่อนสักคน ถ้าอยากได้เพื่อนที่จริงใจ เราต้องรู้จักให้ความจริงใจกับเขาก่อน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความตรงไปตรงมา อย่าคิดว่าคบเพื่อนเพื่อหวังผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไม่ยืดยาว".