HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 13/06/2555 ]
แพทย์เตือนงานไม่รุ่งหากปล่อยไข้หวัด-ภูมิแพ้คุกคาม

 ไข้หวัดและภูมิแพ้เป็นโรคที่หลายคนคุ้นเคย และมักคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในยุคนี้ทั้ง 2 โรคเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าอย่างมาก แถมยังกระตุ้นโรคประจำตัวต่าง ๆ ให้รุนแรงขึ้นได้ ในงานเสวนาเรื่อง "หยุดไข้หวัด ภูมิแพ้ ตัวถ่วงความเจริญ" โดย รพ.พญาไท 2  ร่วมกับ บริษัท ดีคอลเจน จำกัด จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อส่งผ่านความรู้เรื่องการดูแลตัวเองให้พ้นจากไข้หวัดและภูมิแพ้ โดย นพ.อธิก แสงอาสภวิริยะ อายุรแพทย์  โรคภูมิแพ้ รพ.พญาไท 2 กล่าวว่า เมื่อร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ติดไข้หวัดหรือเกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย ส่งผลต่อการงานอย่างมาก จากประสบการณ์ในการดูแลรักษาคนไข้ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนพบว่ามีผู้ป่วยร้อยละ 20 ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดและภูมิแพ้อย่างเรื้อรัง จนลามเป็นโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่หนักยิ่งขึ้น เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคหืด โรคริดสีดวงจมูก ซึ่งโรคเหล่านี้สร้างความเสียหายมากขึ้น บางรายถึงกับต้องขาดงานบ่อย ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการพิจารณาเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่ง
          "ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 30 ของผู้ป่วยวัยทำงานอายุ 35-50 ปีที่เข้ามารักษาโรคหวัดหรือภูมิแพ้มีโรคประจำตัวมาด้วยทั้ง ๆ ที่ยังไม่เข้าวัยชรา เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่จัด ฯลฯ เป็นเพราะการใช้ชีวิตที่สมบุกสมบัน ขาดสมดุลทำให้เป็นโรคประจำตัวเร็วขึ้น เมื่อใดที่เกิดเป็นไข้หวัดหรือภูมิแพ้จะมีผลให้โรคประจำตัวเหล่านั้นทรุดลง โดย 1 ใน 4 ของผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวต้องหยุดงานในช่วงนั้นอย่างน้อย 1 วัน และในจำนวนนั้นมีประมาณร้อยละ 5-10 ถึงกับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เสียงานเสียการเท่านั้น ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวอีกด้วย ในผู้สูงอายุเคยพบอาการทรุดหนักจนเสียชีวิตก็มี" นพ.อธิกกล่าว
          สำหรับการดูแลสุขภาพ นพ.อธิก แนะว่าควรนอนรวดเดียวอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง การแบ่งนอนเป็นพัก ๆ ระหว่างวันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายพักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเต็มที่ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ช่วงอากาศเปลี่ยนเสริมด้วยการบริโภคอาหารที่มีธาตุร้อนช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ นอกจากนี้ควรเคร่งครัดเรื่องดูแลบ้าน ห้องทำงาน ห้องนอน ผ้าม่าน พรม และรถให้สะอาด หากทำได้จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคได้ไม่น้อย ส่วนการใช้ยาแก้ต้องใช้ให้ถูกต้อง และเลือกให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน ยาแก้หวัดและภูมิแพ้มี 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกมีตัวยาคลอเฟนิรามีนช่วยลดการคัดจมูก ผสมกับเฟนิลเอฟรินช่วยลดการคั่งในโพรงจมูก ทำให้จมูกโล่ง ยาประเภทนี้ทำให้ผู้ป่วยง่วง ส่วนยาอีกกลุ่มคือ ยาที่ไม่มีส่วนผสมของคลอเฟนิรามีน กลุ่มนี้ไม่ทำให้ง่วงเหมาะสำหรับคนที่ทำงานหน้าเครื่องจักรหรือขับรถ ดังนั้นก่อนซื้อยาควรปรึกษาเภสัชกรให้ชัดเจน จะได้เข้าใจถึงคุณสมบัติของยาและเลือกใช้ได้เหมาะสมและปลอดภัย
          ด้านพิธีกรสาว ว่าที่คุณแม่ลูกสองโน๊ต-ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล ร่วมแชร์ประสบการณ์ว่า ปกติดูแลตัวเองเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด เพราะห่วงกลัวเสียงาน ช่วงนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ยิ่งต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ต้องเน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ นอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายด้วย ส่วนตัวชอบว่ายน้ำ พอท้องก็ปรับการออกกำลังกายในน้ำสำหรับคนตั้งครรภ์ ก็ทำให้โอกาสเป็นหวัดน้อยลง แต่เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะเป็นหวัดจะดื่มน้ำผึ้ง หรือกินน้ำมันมะกอก.
 


pageview  1205453    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved