HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 29/04/2564 ]
1พ.ค.เปิดจองคิวฉีดวัคซีน เตือน ผู้สูงอายุ-โรครุม อย่ากลัว

  บิ๊กตู่ผนึกเอกชนมั่นใจสิ้นปีฉีดได้50ล.คน ขุนคลังโวมีเงินพอกระตุ้นศก.ไม่ต้องกู้เพิ่ม
          "ผู้สูงอายุ-คนมีโรคประจำตัว 16 ล้านคนเริ่มจองคิวฉีดวัคซีน "แอสตราเซเนกา" ผ่านไลน์ "หมอพร้อม" 1 พ.ค. พร้อมปักเข็มเดือน มิ.ย.-ก.ค. เหตุเป็นกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตสูง "บิ๊กตู่" ผนึกเอกชนจัดทัพใหญ่ตั้ง "ทีมวัคซีนไทยแลนด์" ฝ่าวิกฤติโควิด ดึง "สุพัฒนพงษ์" นั่งหัวเรือประสานทุกฝ่ายเร่งคลอดแผนจัดหา-กระจายวัคซีน เผย พ.ค.นี้มีแน่  1 ล้านโด๊ส ระบุรัฐบาลมีแผน 1-2 รับมือโควิด ขุนคลังออกโรงย้ำมีเงินพอกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต้องกู้เพิ่ม ด้าน กทม.เพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลอีก 14 แห่งเปิดใช้งานพร้อมกัน 1 พ.ค.
          เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน
          เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนว่า ในเดือนมิ.ย. นี้จะมีวัคซีนของแอสตราเซเนกาเข้ามา 6 ล้านโด๊ส และ ก.ค. อีก 10 ล้านโด๊ส ดังนั้นกระทรวงฯจะเปิดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 16 ล้านคน ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโดยจะเริ่มเปิดลงทะเบียนจองตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ผ่านไลน์ OA "หมอพร้อม" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กระทรวงสาธารณสุขจะพัฒนาให้เป็นนโยบายสาธารณสุขแห่งชาติ (National Health platform) และในอนาคตอาจจะเห็นการขอใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลของรัฐผ่านระบบเทคโนโลยี
          นำข้อมูล 16 ล.เข้าระบบ
          "ย้ำอีกครั้งว่าข้อมูลทั้งหมดตัวเลขทั้ง 16 ล้านคน กำลังทยอยเข้าระบบ อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างคาดว่าประมาณ 5% เช่น บางส่วนข้อมูลตกหล่นในคลินิกเอกชนข้อมูลจึงยังไม่มีตรงนี้ กับบางส่วนอาจจะยังไม่มีข้อมูลในรพ.แต่ 5% นี้จะถูกแก้ไขให้นำเข้าข้อมูลอย่างครบถ้วน ส่วนประชาชนที่ไม่ได้อยู่ใน 16 ล้านโด๊ส จะได้รับการจัดสรรในเดือนถัด ๆ ไปจนครบการรับวัคซีนในเดือนธ.ค. 2564" นายสาธิต กล่าว
          จัดแบ่ง5กลุ่มรับวัคซีน
          ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าคนไทยทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน เป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งการจัดกลุ่มเป้าหมายจะมีการบริหารจัดการทั้งหมดแบ่งเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 1.2 ล้านคน กลุ่มที่ 2 บุคลากรด่านหน้า 1.8 ล้านคน อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะได้รับครบถ้วนภายในเดือนพ.ค.นี้
          "คนแก่-คนมีโรค"ฉีดก่อน
          กลุ่มที่ 3 คือบุคคลที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 4.3 ล้านคน คือโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด ไตวายเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง มะเร็งทุกชนิด เบาหวาน และโรคอ้วน กลุ่มที่ 4 ผู้สูงอายุจำนวน 11.7 ล้านคน โดย 2 กลุ่มนี้รวม 16 ล้านคน ที่จะได้รับวัคซีนในเดือน มิ.ย และก.ค. นี้ ซึ่งการที่ให้ 2 กลุ่มนี้ก่อน เพราะข้อมูลการเสียชีวิตทุกรายพบว่ามีโรคประจำตัวหรือเป็นผู้สูงอายุ ขณะที่วัคซีนในการศึกษายืนยันว่าช่วยลดการเสียชีวิต และช่วยลดการนอนโรงพยาบาล ดังนั้น 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลก่อนเพื่อไม่ให้มีการสูญเสียและเจ็บป่วยหนักระบบสาธารณสุขก็จะสามารถเดินต่อไปได้
          จองคิว "ไลน์หมอพร้อม"
          "การฉีดวัคซีนในกลุ่มที่ 3-4 ทางโรงพยาบาลได้นำรายชื่อผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวลงในระบบไลน์หมอพร้อมแล้วเพื่อให้ประชาชนได้จองคิวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยการจองคิวนั้นให้ประชาชนเพิ่มเพื่อนในไลน์หมอพร้อม ต้องกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้ถูกต้อง จากนั้นทำการจองวัคซีนโควิด-19 ตามเวลาที่สะดวก โดยกดเมนูจองฉีดวัคซีนโควิด-19 อาจจะเป็นรพ.ที่รักษาตัวอยู่หรือเป็นรพ.ในภูมิลำเนา หรืออาจจะเป็นสถานที่ เช่น ศูนย์การค้าตามที่จังหวัด ต่าง ๆ จัดตั้งขึ้น
          ตจว.โทรฯ จองผ่านอสม.
          ทั้งนี้ สามารถจองคิวให้คนในครอบครัวได้ เช่น เป็นโทรศัพท์ของลูกสามารถกดเพิ่มบุคคลอื่น ใส่ข้อมูลส่วนตัว และจองให้พ่อแม่ได้ ส่วนในภูมิภาค หรือคนที่ไม่มีโทรศัพท์สามารถจองคิวผ่าน อสม. หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในหมู่บ้านก็ได้"
          นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มที่ 5 คนอายุ 18-55 ปี จะได้ฉีดในเดือนส.ค.-ก.ย. โดยเปิดจองในเดือนก.ค. แต่ถ้าช่วงนี้รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมได้ก็สามารถใช้เพิ่มเข้าไปได้ เช่น วัคซีนบางตัวเหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือเหมาะสำหรับกลุ่มอายุ 12-18 ปี ก็จะสามารถเสริมเข้าไปได้ หรือหากมีปัญหาหรือสถานการณ์ เช่น กลุ่มคุณครูที่จำเป็นต้องฉีดแล้วหาวัคซีนมาแล้วก็จะสามารถเสริมเพิ่มเติมได้
          จัดหาเพิ่ม37ล้านโด๊ส
          ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีน เพิ่มเติมว่าตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีการจัดหาวัคซีนไว้แล้ว 63 ล้านโด๊สและกำลังจัดหาเพิ่มอีก 37 ล้านโด๊ส เพื่อดำเนินการฉีดให้ครอบคลุม 70% ของประชากรในประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับสูงขึ้น โดยในจำนวน 37 ล้านโด๊สนี้จะแบ่งเป็นภาครัฐ 30 ล้านโด๊ส เพิ่มจาก ไฟเซอร์ ประมาณ 5-10 ล้านโด๊ส สปุตนิก 5-10 ล้านโด๊ส จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5-10 ล้านโด๊ส ซิโนแวค 5-10 ล้านโด๊ส ส่วนอีก 7 ล้านโด๊ส ภาคเอกชนจะจัดหามาบริการเองไม่เกี่ยวกับรัฐ โดยจะหาจาก โมเดอร์นา และซิโนฟาร์มหรือวัคซีนอื่นที่จะขึ้นทะเบียนในอนาคต ทั้งนี้ หากสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามกำหนดเมื่อเริ่มฉีดเดือน มิ.ย. 64 ประชาชน 70% จะได้เข็มที่ 1 ภายใน ต.ค. 2564
          "ผู้ว่าฯ อัศวิน"ประชุมวัคซีน
          ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ การบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 7/2564 โดยมีคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
          โดยในวันนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเดือน มิ.ย. สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคอาทิ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ ของสำนักงานเขต (พนักงานกวาดและเก็บ ขนขยะ) เจ้าหน้าที่ด่านท่าเรือคลองเตย เจ้าหน้าที่ ในสถานกักตัว ทั้งในส่วนของ SQ, ASQ และ LQ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วย เฉพาะกิจ (Hospitel) รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและประชาชนทั่วไป
          เพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีน
          โดยหน่วยบริการที่ประชาชนสามารถไปรับบริการได้คือภายในโรงพยาบาลและหน่วยบริการนอกโรงพยาบาล ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนจัดสถานที่ให้บริการเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล รวมจำนวน 14 แห่ง ได้แก่ เอสซีจี บางซื่อ, เซ็นทรัลสาขาลาดพร้าว, เดอะมอลล์สาขาบางกะปิ, โรบินสันสาขาลาดกระบัง, โลตัสสาขามีนบุรี, สามย่านมิตรทาวน์, ทรูดิจิทัลพาร์ค อุดมสุข,ธัญญาพาร์ค ถนนศรีนครินทร์, เอเชียทีค ถนนเจริญกรุง, เซ็นทรัลสาขาปิ่นเกล้า, ไอคอนสยาม, ปั๊ม ปตท.พระราม 2, เดอะมอลล์สาขาบางแค และบิ๊กซี สาขาบางบอน ซึ่งสามารถให้บริการประชาชนได้รวมกว่า 20,500 คนต่อวัน โดยประชาชนสามารถเลือกหน่วยบริการที่ประสงค์รับบริการฉีดวัคซีนได้ทางไลน์ "หมอพร้อม" ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานพร้อมกัน 1 พ.ค.นี้
          "บิ๊กตู่"ผนึกเอกชนจัดทัพ
          ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกับทีมสนับสนุนการ กระจายวัคซีนของหอการค้าไทยที่ได้ประชุมร่วมกับ 45 ซีอีโอ แบ่งเป็น 4 ทีมคือ ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน, ทีมการสื่อสาร, ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และทีมเทคโนโลยีและระบบนำ โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและคณะ ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมถกกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ประกอบด้วยนายสนั่น นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถึงแผนการกระจายวัคซีนโดยเร็ว
          ตั้ง"ทีมวัคซีนไทยแลนด์"
          นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะฯ ได้รับทราบแผนการกระจายวัคซีนซึ่งแบ่งเป็น 4 ทีมของภาคเอกชน โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เรียกว่า ทีมวัคซีนไทยแลนด์ หรือ ทีมประเทศไทย ซึ่งภาคเอกชนมีความพร้อมร่วมมือทำงานกับภาครัฐเพื่อจะทำให้ได้ตามเป้าหมาย คือสิ้นปีนี้จะต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมคนในประเทศให้ได้ 70% หรือคิดเป็นจำนวน 50 ล้านคน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน 4 คณะ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกัน เพื่อปรับกฎหมายต่าง ๆ จัดหาวัคซีนได้รวดเร็ว
          ประชาสัมพันธ์ให้กล้าฉีด
          สำหรับการกระจายและฉีดวัคซีน ระยะแรก ได้จัดเตรียมพื้นที่นำร่องสถานที่ที่ผ่านการคัดเลือก 14 แห่งกระจายทั่วกรุงเทพฯ แบ่งเป็น 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯเหนือ 2 จุด กรุงเทพฯใต้ 4 จุด กรุงเทพฯตะวันออก 3 จุด กรุงธนเหนือ 2 จุด และกรุงธนใต้ 3 จุด ซึ่งจะมีทั้งสถานที่ที่เป็นศูนย์การค้า สำนักงาน และสถานีบริการน้ำมัน จะรองรับประชาชนรวมแล้วได้วันละ 20,500 คน ระยะถัดไปจะหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ ตามชุมชน และบริษัทต่าง ๆ ซึ่งหลังจากนำร่องที่กรุงเทพฯ แล้ว จะนำรูปแบบดังกล่าวกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ต่อไป ขณะเดียวกันเอกชนจะช่วยภาครัฐสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กล้ามาฉีดวัคซีน ผ่านทั้งทางสื่อโซเชียลและสื่อแบบเดิม และจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วแม่นยำในการลงทะเบียน
          นายจ้างจ่ายค่าวัคซีนให้
          ส่วนทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ขณะนี้บริษัทเอกชนแสดงความประสงค์ในการได้วัคซีนซึ่งนายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ปัจจุบันมีผู้แจ้งความต้องการ 2,629 บริษัท จำนวนพนักงาน 921,817 คน ข้อมูล ณ วันที่ 28 เม.ย. ซึ่งจะนำส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรวัคซีนต่อไปและทีมเจรจาวัคซีนทางเลือกเสริมจากภาครัฐ และยังได้หารือถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะถัดไปอีกด้วยทั้งเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ
          ยัน พ.ค.มีแน่ 1 ล้านโด๊ส
          นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เห็นด้วยและขอบคุณที่หลายฝ่ายให้ความร่วมมือเพื่อฝ่าวิกฤติในครั้งนี้และได้ชี้แจงต่อภาคเอกชนที่เข้าร่วมประชุมว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเพิกเฉยต่อประเด็นที่ภาคเอกชนและสังคมต้องการให้รัฐบาลจัดการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่งนายกฯ ได้ตอกย้ำและมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีนเข้ามาในไทยได้ภายในเดือน พ.ค.รวมแล้วประมาณ 1 ล้านโด๊ส และระบุว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเต็มความสามารถและอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น ๆ
          มีแผน1-2รับมือโควิด
          นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยากให้ประชาชนมั่นใจว่าตอนนี้รัฐบาลมีแผนจัดการควบคุมทั้งเรื่องการฉีดวัคซีนและการระบาดของโรคโควิด-19 มีทั้งแผน 1 แผน 2 แผนรองรับไว้อยู่แล้ว ขอให้เกิดความมั่นใจและดูแลตัวเองป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ตามมาตรการด้านสาธารณสุขและให้ความร่วมมือรัฐบาลด้วยเนื่องจากการระบาดที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากคนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ทุกคนต้องช่วยกันแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
          ย้ำมีเงินพอ-ไม่ต้องกู้เพิ่ม
          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ยังมีเงินงบประมาณเพื่อดูแลและ บรรเทาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ เกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งมาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน และงบกลาง จึงไม่ต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมอีก โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาออกมาตรการมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้พิจารณาทั้งรูปแบบการเยียวยา และการ กระตุ้นใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกโครงการคนละครึ่ง ประชาชนก็ให้ความสนใจ และเรียกร้องขอให้ออกเฟส 3 ซึ่งจะพิจารณาอีกครั้ง เช่นเดียวกับแนวทางดึงเงินออมมาใช้จ่าย ซึ่งมีอยู่หลายแนวทางเช่น การจูงใจให้คนมีเงินออมออกมาใช้จ่ายด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น.


pageview  1205134    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved