HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 05/05/2563 ]
ศบค.วางเงื่อนไข-ผู้ติดเชื้อไม่พุ่ง 17 พ.ค.เปิดกิจการได้

 ผ่อนปรนระยะ2เน้นธุรกิจสำคัญต่อการดำรงชีวิต นายกฯเห็นด้วยปลดล็อกจีน-เกาหลีใต้เข้าไทยได้
          ธุรกิจใหญ่ เฮ 17 พ.ค. ผ่อนปรนระยะ 2 หากตัวเลขไม่พุ่ง "บิ๊กตู่" ย้ำ ห้ามประมาท พร้อมเพิ่มงบวิจัยวัคซีนในอาเซียน ปลดล็อกจีน-เกาหลีใต้เข้าไทย "ศบค." เผย ติดเชื้อใหม่แค่ 3 ราย เป็นแม่บ้านในยะลาและ 2 ชายไทยกลับจากคาซัคสถาน รวมยอดป่วยสะสม  2,992 คน รักษาหายเพิ่มอีก 11 ราย เหลือรักษาตัวใน  รพ. 165 คน คุมเข้มเข้า-ออกประเทศต่อ "อนุทิน" ลั่นเซ็นเอ็มโอยูกับจีนไทยต้องได้เปรียบ "ออสซี่" ชมนายกฯ คุมระบาดเก่ง พร้อมร่วมลงทุนผลิตวัคซีน ขณะที่สหรัฐผวา สิ้นเดือน พ.ค. ตายนับแสนคน
          สหรัฐผวาตายนับแสน
          เมื่อวันที่ 7 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อจากทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 3.7 ล้านคน คร่าชีวิตไปแล้ว 2.6 แสนศพ โดยเฉพาะสหรัฐเสียชีวิตมากสุด โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐยอมรับว่าไวรัสร้ายยิ่งกว่าการโจมตีที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 เพราะขณะนี้ชาวอเมริกันเสียชีวิตไปกว่า 7.3 หมื่นศพ คาดว่าภายในสิ้นเดือน พ.ค. ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 1 แสนศพ
          "บิ๊กตู่" ย้ำห้ามประมาท
          ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุม ว่า การประชุม ศบค. วันนี้เป็นการประชุมเต็มคณะ ภายหลังการประกาศขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไป นอกจากการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคแล้ว ต้องคำนึงถึงการปรับตัว เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ถือว่าตอนนี้เป็นช่วงของการปรับตัว การเปลี่ยน โดยมีการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ที่มีคณะกรรมการครอบคลุมทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข ความมั่นคง ส่วนตัวตนพอใจการดำเนินการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ผู้ติดเชื้อลดน้อยลงแต่อย่าประมาท จะต้องคงมาตรฐานการป้องกันอย่างเคร่งครัดต่อไป ควบคู่ไปกับการทำงานของรัฐบาล ที่ยังมีงานและปัญหาต้องแก้ไขต่อไป
          ติดเชื้อใหม่อีก 3 ไร้ตาย
          จากนั้นเวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษก ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 2,992 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังคงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 55 ศพ และผู้ที่รับการรักษาหายเพิ่มอีก 11 ราย ทำให้มีผู้ที่รับการรักษาหายแล้วรวมเป็น 2,772 คน คิดเป็น 92.65 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด โดยมีผู้ที่ยังรับการรักษาใน รพ. 165 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 3 คน แบ่งเป็น 1. จากการค้นหาเชิงรุก 1 ราย เป็นหญิงอายุ 59 ปี เป็นแม่บ้าน ภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ยะลา มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อเดิมที่กลับจากประเทศมาเลเซีย 2. ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ 2 คน เป็นเพศชายอายุ 46 และ 51 ปี อาชีพรับจ้าง ทั้งคู่เดินทางกลับจากประเทศคาซัคสถาน มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา และเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ สำหรับคนไทยที่เดินทางโดยเครื่องบินลำเดียวกับทั้ง 2 รายนี้มี 55 คน ทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดี
          39 จังหวัดไร้ผู้ป่วยเพิ่ม
          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้ป่วยสะสม 2,992 รายนั้น จำแนกตามพื้นที่รักษาได้ดังนี้ กรุงเทพฯ และนนทบุรี 1,697 คน ภาคใต้ 708 ราย ภาคกลาง 380 คน ภาคอีสาน 111 ราย และภาคเหนือ 94 คน ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนยังเป็นกลุ่มเดิม คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และสตูล สำหรับจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วัน มีเพิ่ม 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก ลำปาง ชัยภูมิ และ ตรัง ทำให้มียอดรวมเป็น 39 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี กาญจนบุรี จันทบุรี นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี เชียงราย เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราช ธานี ชัยภูมิ เชียงใหม่ ตรัง พิษณุโลก และลำปาง
          แพร่ทั่วโลกเฉียด 4 ล้าน
          โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา คือ กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทร ปราการ สมุทรสาคร สุพรรณบุรี นครสวรรค์ พะเยา เลย ขอนแก่น นครพนม นครราชสีมา สกลนคร สุรินทร์ กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี เราอยากให้มีจำนวนจังหวัดที่มี  ผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 28 วันที่ผ่านมาลดลงเรื่อย ๆ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกนั้นมีผู้ติดเชื้อสะสม 3,822,860 ราย มีอาการรุนแรง 48,211 คน รักษาหายแล้ว 1,302,297 ราย เสียชีวิต 265,076 ศพ โดยสหรัฐอเมริกายังมีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันมากที่สุด 1,263,092 คน ตามด้วยสเปน 253,682 ราย อิตาลี 214,457 คน อังกฤษ 201,101 ราย ฝรั่งเศส 174,191 คน ส่วนประเทศในเอเชียนั้นอินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 52,987 ราย ปากีสถาน 24,073 คน สิงคโปร์ 20,198 ราย ญี่ปุ่น 15,253 คน
          เข้มเข้าออกประเทศต่อ
          นพ.ทวีศิลป์ ระบุต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานได้มอบแนวทางการทำงาน ว่าขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านในเฟสต่าง ๆ ลดผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่มีส่วนทำให้เกิดความสำเร็จ สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แต่ยังต้องดำเนินการเชิงรุกเข้มงวดการเข้า-ออกประเทศตามช่องทางต่าง ๆ ไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา และยังให้ความสำคัญกับสถานที่กักตัวของรัฐ ขอให้ดำเนินการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดต่อไป อีกทั้งยังกำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ ห้ามละเลย ต้องไปตรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรน ให้เป็นไปตามข้อกำหนด นอกจากนี้ยังสั่งการให้ ศบค.ติดตามผลกระทบจากมาตรการการผ่อนคลาย แนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และรับฟังข้อเสนอจากผู้ประกอบการ ผอ.ศบค. ขอให้ศูนย์ช่วยเหลือ ต่าง ๆ เก็บตกผู้ตกหล่นทั้งหลายให้เข้าถึงการเยียวยา รวมถึงดูแลเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานหนักให้ได้รับเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิ
          เน้นทำงานเหลื่อมเวลา
          โฆษก ศบค. กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เสนอให้คงมาตรการในประเทศให้เข้มข้น และตรึงการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศให้ได้ เพราะจะทำให้มีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่เลขตัวเดียว และดีขึ้นกว่านี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่ง ผอ.ศบค.ได้มีข้อชี้แนะให้หามาตรการ และแนวทางเฉพาะของกิจการกิจกรรม เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก จนเกิดความแออัดในวันนี้ ว่าต้องมีแนวทางแก้ไขหากรถเสีย ขายตั๋วให้เหมาะกับสถานการณ์ พร้อมยังสั่งให้ 20 กระทรวง ประชาสัมพันธ์ภารกิจของตัวเองที่เชื่อมโยงกับ ศบค.ด้วย และที่ประชุมเห็นตรงกันในเรื่องของการเหลื่อมเวลาทำงานของหน่วยราชการ ให้มีการเหลื่อมเวลาหลายช่วง โดยให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปดูว่าจะทำให้เหลื่อมเวลามากขึ้นได้หรือไม่ ส่วนการทำงานที่บ้านซึ่งเป็นนโยบายของ ครม. ต้องให้เกิดขึ้นได้มากที่สุด 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น เพื่อจะช่วยลดในเรื่องของการเคลื่อนย้ายคน รวมถึงสั่งการ ให้หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รายงานผลทำงานเหลื่อมเวลา และการทำงาน ที่บ้านเข้ามา ขณะที่สถานศึกษามีการเตรียม ขยายช่วงเวลาของการเปิดเรียนออกไป จะนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน
          17 พ.ค. ผ่อนระยะ 2
          นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยต่อว่า ในที่ประชุมเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้พูดไทม์ไลน์ในการผ่อนปรนระยะที่ 2 โดยตารางเวลาคร่าว ๆ นั้นในช่วงวันที่ 8-12 พ.ค. จะเป็นช่วงของการรับฟังความคิดเห็น ดูชุดข้อมูล สถิติ สถานการณ์ และความเห็นต่าง ๆ จากนั้นวันที่ 13 พ.ค. จะมีการซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการ วันที่ 14 พ.ค. จะมีการยกร่างมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 เสนอนายกฯ ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ ไม่ทะลุขึ้นแบบผิดปกติในวันที่ 17 พ.ค. จะเริ่มออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 แต่กว่าจะถึงวันที่ 17 พ.ค. เราต้องช่วยกันเพื่อให้อีกสิบวันข้างหน้า เราจะได้เข้าสู่มาตรการระยะที่ 2 จะเป็นการผ่อนปรนกิจการขนาดใหญ่ และกิจการที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นเมื่อผ่อนปรนระยะที่ 1 แล้วไม่ทำให้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ระยะที่ 2 ต้องเกิดขึ้นแน่นอนต้องทำวันนี้ให้ดีซึ่งขึ้นอยู่กับทุกคน
          ปลดล็อกบางประเทศ
          โฆษก ศบค. ระบุอีกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เสนอที่ประชุมว่าสถานการณ์การติดเชื้อในหลายประเทศดีขึ้น ควรปรับรายชื่อประเทศที่ถูกประกาศเป็นเขตโรคติดต่ออันตราย เนื่องจากบางประเทศสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว เพื่อให้ความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจ สังคมใกล้ชิดขึ้น โดย นายกฯ และที่ประชุมเห็นชอบ แต่จะต้องดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามขั้นตอน การเดินทางเข้าประเทศต้องดำเนินตามมาตรการที่ยังเข้มข้นอยู่
          เพิ่มงบวิจัยวัคซีนนพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังเพิ่มเติมเรื่องการลงทุน เพื่อศึกษาวัคซีนร่วมกันในกลุ่มอาเซียน เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนักธุรกิจ การกู้ซอฟต์โลน ที่ยังมีปัญหาได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข ขณะที่เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะนี้นายกฯ ได้รับแผนจาก 20 ผู้นำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมาแล้ว เห็นว่ามีโครงการละเอียดในหลายเรื่องที่สามารถลงไปในระดับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้นายกฯ ระบุว่าอาจต้องใช้แนวทางต่าง ๆ เหล่านี้ประกอบกันเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและฟื้นฟูกันได้
          ยกคนไทยหลายเรื่อง
          ต่อข้อถามว่าสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย เริ่มมีการกลับมาร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งที่ยังมีการระบาดสูง หากสองประเทศนั้นมาติดต่อธุรกิจกับไทย จะมีมาตรการอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ ตอบว่า ทั้งสองประเทศไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อประเทศที่เราประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย และเรายังไม่ได้เอ่ยถึงการกลับมาทำการค้ากับสองประเทศ แต่กล่าวถึงจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งเราประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย แต่สาเหตุการติดเชื้อคือการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ดังนั้นถ้าสถานการณ์เขายังไม่ดีพอไม่ให้นำเข้ามาแน่นอน
          โฆษก ศบค. เปิดเผยอีกว่า ในการทำงานของ ศบค.เป็นการทำงานแบบวงกว้าง นำทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายประจำ ฝ่ายการเมือง ภาคธุรกิจ ที่มี 20 นักธุรกิจระดับประเทศและโลกมาช่วยกันด้วย รวมถึงคณะที่ปรึกษาด้านนักวิชาการ ซึ่งมีความสำคัญมากมาประกอบกัน เราผ่านตรงนี้มาได้ด้วยทีมไทยแลนด์ ต้องภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเรา ที่เรามีคนที่มีความเก่งกล้าสามารถหลากหลาย ทุกคนยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน นายกฯ ยังขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ เพราะแม้เราจะมีคนเก่งมากมายเพียงใด แต่ความร่วมมือของทุกคนเท่านั้น ที่จะเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จสูงสุด
          หวั่นคนติดเชื้อจาก ตปท.
          นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายงานว่าในต่างประเทศยังมีการระบาด ทำให้ยังมีคนไทยที่กลับเข้าไทยติดเชื้อมาด้วย ขณะเดียวกันบางประเทศที่ได้ผ่อนปรนมาตรการ เนื่องจากการแพร่ระบาดลดลง ปรากฏว่าตอนนี้กลับพบการระบาดเพิ่มอีกครั้ง ส่วนการแพร่ระบาดในไทยนั้น พบคนติดเชื้อทั้งผู้ที่กลับจากต่างประเทศ และผู้สัมผัสคนที่กลับจากต่างประเทศ รวมถึงมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งการเคลื่อนย้ายของประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและ จ.ภูเก็ต และการมั่วสุมกันดื่มสุราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ดังนั้นศูนย์ปฏิบัติการฯ จึงมีข้อเสนอ ว่าให้คงมาตรการในประเทศอย่างเข้มข้น พร้อมกับตรึงมาตรการสกัดการนำเชื้อ จากต่างประเทศเข้าไทยให้ได้ ถ้าสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้จะช่วยให้สถานการณ์ในไทยมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เป็นตัวเลขหลักเดียว หรือสภาพโดยรวมดีขึ้นเรื่อย ๆ
          ลุยตรวจกลุ่มเสี่ยง
          โฆษก ศบค. กล่าวว่า นอกจากนี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค สธ. เสนอต่อที่ประชุม ศบค. เรื่องการตรวจเพื่อเฝ้าระวังและการค้นหา ในประชากรกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มในสถานที่เสี่ยง ด้วยการตรวจจากสารคัดหลั่งในโพรงจมูก โดยตั้งเป้าว่าต้องตรวจให้ได้ 6,000 ราย ต่อ 1 ล้านประชากร ถือว่าไม่มากหรือน้อยเกินไปคิดเป็นประมาณ 400,000 ราย ในไทย ตอนนี้ดำเนินการตรวจแล้วประมาณ 230,000 ราย เหลือประมาณ 170,000 ราย การตรวจในส่วนนี้ยังได้ขยายเกณฑ์การตรวจสอบสวนโรคแล้ว ยังจะเข้าไปตรวจเจาะจงกลุ่มเสี่ยงในทั่วประเทศ ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้ประกอบอาชีพเสี่ยง อื่น ๆ อาทิ คนขับรถโดยสารสาธารณะ พนักงานส่งของ พนักงานไปรษณีย์ และผู้ต้องกัก อาทิ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อจะได้นำผู้ป่วยจากส่วนนี้มาสู่ระบบรับการรักษา พร้อมกับสร้างความมั่นใจและตอบโจทย์ด้วยจากการเก็บรายละเอียดย่อย ๆ โดยจะได้ผลดีกว่าทฤษฎีการหว่านแหหรือปูพรม ถือเป็นการใช้งบประมาณดำเนินการตรงนี้ได้อย่างถูกต้อง ที่ประชุม ศบค.มีมติรับหลักการเรื่องดังกล่าวและให้นำไปดำเนินการ
          เอ็มโอยูต้องได้เปรียบ
          ด้านนายอนุทิน รองนายกฯ และ รมว.สธ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษา และพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยคนไทย ว่า เราได้ดำเนินการให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ไปหารือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีนด้วย ในการศึกษาและวิจัยร่วมกัน ซึ่งตนได้เชิญ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ มาพูดคุยสอบถามถึงเรื่องนี้แล้ว โดยตนเน้นย้ำว่าการทำเอ็มโอยูดังกล่าว เราต้องไม่เสียเปรียบ จึงขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดีทั้ง 2 ฝ่ายต้องเข้าถึงพร้อมกัน และได้รับความยุติธรรมเท่ากัน
          ออสซี่ชมไทยคุมเก่ง
          จากนั้นเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้การต้อนรับนายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายแอลลันชื่นชมและแสดงความยินดี ที่นายกฯ ควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี จากตัวเลขผู้ติดเชื้อถือว่าไทยประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ชาวออสเตรเลียในประเทศไทยมั่นใจในระบบ สธ.ของไทย โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในการดำเนินมาตรการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด โดยนายกฯ เห็นว่าไทยและออสเตรเลีย ควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกัน โดยเฉพาะความร่วมมือเรื่องการวิจัยเพื่อการพัฒนาและผลิตวัคซีน ในส่วนกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 โดยออสเตรเลียชื่นชมข้อเสนอของไทย และการตอบสนองอย่างรวดเร็วของอาเซียน พร้อมยินดีสนับสนุนกองทุน ดังกล่าว นอกจากนี้ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการดูแลแรงงาน และสถานประกอบการร่วมกัน ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องกันว่าควรเตรียมการอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดอีกระลอก
          ลดระดับจีน-เกาหลี
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเสนอให้ยกเลิกประกาศประเทศจีนและเกาหลีใต้ เป็นท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคอันตราย ว่า ที่เสนอให้ยกเลิก 2 ประเทศนี้เพราะสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีไม่มาก และคนเข้าไทยตอนนี้มีน้อย เพราะต่อให้ประกาศไม่ใช่เขตติดโรคติดต่อ ไม่ทำให้คนเข้าไทยเพิ่มขึ้น คนที่เข้าได้ต้องได้รับการยกเว้น และนายกฯ พิจารณาเห็นควรประกาศลดระดับ
          จัดระเบียบเรือคลองแสนแสบ
          วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้กระทรวงคมนาคมจัดระเบียบคลองแสนแสบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยคมนาคมได้เพิ่มมาตรการ  1. ช่วงเร่งด่วนเพิ่มเที่ยวเรือจาก 40 ลำ เป็น 60 ลำ มีระยะรอคอย 3-5 นาทีต่อเที่ยว 2. ทำเครื่องหมายจุดยืนบนเรือและบนท่าเรือ ตามระยะห่างทางสังคมไม่น้อยกว่า 1 เมตร 3. ใช้กล้องวงจรปิดเฝ้าดูระยะห่าง 4. ประสานวิทยุและโทรศัพท์ควบคุมระหว่างผู้ควบคุมเรือกับพนักงานไม่เกินท่าปลายทาง.


pageview  1205114    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved