HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 28/04/2563 ]
สธ.ผวาไวรัสระบาดซ้ำ ชงนายกฯห้ามต่างชาติเข้าไทย

 หลังเจอแรงงานลอบเข้าเมืองติดเชื้อหลายสิบคน เตือนจว.ที่คลายล็อกดาวน์ห้ามผ่อนพรก.ฉุกเฉิน
          ห้ามคนต่างชาติเข้าไทย "อนุทิน" ชง "นายกรัฐมนตรี" หวั่นไวรัสมรณะ "โควิด-19" ลุกลาม หลังไทยพบคนติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่ง 53 ราย มา จาก "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" ลอบหนีเข้าเมือง ลุยเชิงรุกตรวจเจอในศูนย์กักขังสงขลา42 ราย เป็นพม่าถึง 34 ราย ส่วนผู้สังเวยไวรัสมรณะ มีเพิ่ม 1 ศพ ศบค. ยกเคสนิวยอร์กสะท้อนภาพ ยังไม่วางใจเปิดให้ธุรกิจทำการ ชี้กิจกรรมเข้าข่ายเสี่ยง ยังไม่ปลดล็อกแน่ ระบุ จังหวัดไหนมีคลายล็อกดาวน์ ต้องห้ามผ่อน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เด็ดขาด ด้าน "บิ๊กตู่" โพสต์อาลัย อสม. วัย 72 ปี ถูกรถชนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ กกต. ผวา เจ้าหน้าที่ติดเชื้อ "โควิด-19" ระหว่างทำงานที่บ้าน เร่งตรวจสอบประวัติ-คัดกรองบุคคลเสี่ยงเฝ้าระวัง แฉ บิ๊กข้าราชการ ว้าก ชุดคัดกรองสนามบินอุบลฯ เป็นบิ๊กสีกากีในพื้นที่ เตรียมรายงานผลสอบ ถึงมหาดไทย
          "บิ๊กตู่"อาลัยอสม.วัย72ปี
          เมื่อวันที่ 25 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุว่า "ผมขอแสดงความอาลัย ต่อการจากไปของคุณบุญส่ง มะนาวหวาน อสม.วัย 72 ปี ของ อ.เดิมบาง นางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ขี่จักรยานยนต์นำหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ผมได้ทราบว่า คุณตาบุญส่ง ได้สมัครเข้ามาเป็น อสม.ของชุมชนมาตั้งแต่ปี 2529 รวม 34 ปีแล้วที่คุณตาบุญส่งได้ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครของชุมชน ทุ่มเทช่วยงานราชการอย่างแข็งขันทำหน้าที่ด้วยความรักและเสียสละ เป็นคนดีของชุมชนและประเทศชาติที่ควรยกย่อง การเสียชีวิตในครั้งนี้ของคุณตาบุญส่งถือว่าเป็นการเสียชีวิตในหน้าที่ ในขณะที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติทางภาครัฐจะมีการดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุด
          ยกย่องเสียสละเพื่อชาติ
          "คุณตาบุญส่ง เป็นหนึ่งในอสม.นับล้านคนในประเทศของเราที่อาสาเสียสละแรงกายแรงใจเพื่อช่วยประเทศชาติและเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้สถานการณ์โควิด-19 ของเรานั้นเป็นไปในแนวโน้มที่ดี ผมขอแสดงความอาลัยต่อคุณตาบุญส่งอีกครั้งและขอขอบคุณ อสม.ทุกท่านที่มีส่วนช่วยประเทศชาติฝ่าวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ครับ" พล.อ. ประยุทธ์ ระบุ
          ไทยมีผู้ป่วยใหม่53ราย
          เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ในประเทศไทย ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 53 ราย ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อยืนยัน รวมเป็น 2,907 รายมีผู้ได้รับการรักษาหายและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้อีก 57 ราย ส่งผลให้มีผู้รักษาหายและกลับบ้านแล้วรวมเป็น 2,547 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมเป็นจำนวน 51 ราย และมีผู้ที่ยังรักษาตัวอยู่ 309 ราย
          สังเวยโรคเพิ่มอีก1ศพ
          สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 48 ปี มีประวัติสัมผัสกับคนในครอบครัวที่มี 4 คน และทุกคนติดเชื้อโรค โควิด-19 ทั้งน้องชายทำงานในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ น้องสะใภ้ พ่อ และแม่ โดยชายไทยรายนี้เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ด้วยอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อ จึงเข้ารับการตรวจอาการที่ รพ. แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯซึ่งผลตรวจระบุว่าปกติ จึงรับยากลับไปรับประทานที่บ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น มีไข้สูง 40 องศาเซลเซียส หายใจลำบาก ไอ จึงไป รับการรักษาอีกครั้งในวันที่ 12 เม.ย. แพทย์ ส่งตรวจหาเชื้อซึ่งผลตรวจยืนยันว่าป่วยโรค โควิด-19 ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงแพทย์ใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ กระทั่งเสียชีวิตด้วยภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
          แรงงานต่างด้าวทำยอดพุ่ง
          ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อน มี 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และสตูล ซึ่งไม่มีผู้ป่วยในจังหวัดแต่มีผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการกักกันในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้ สำหรับจังหวัดที่มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคสะสมมากกว่า 1,000 ราย 6 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 12,071 ราย ยะลา 4,551 ราย นนทบุรี 3,652 ราย ชลบุรี 2,207 ราย ภูเก็ต 2,182 ราย สมุทรปราการ 1,326 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 53 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย ผู้เข้าไปสถานที่ชุมนุมชน 1 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชนที่ จ.ยะลา 7 ราย และจากศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา 42 ราย ทั้งนี้กรณีของ 53 รายดังกล่าวถ้าแยกเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ คือ 11 ราย จำแนกได้เป็นเจอที่ จ.ยะลา 7 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย ชลบุรีและภูเก็ต จังหวัดละ 1 ราย ส่วน 42 คนจากศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมืองฯ เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมดและเข้าเมืองผิดกฎหมาย แบ่งเป็นชาวเมียนมา 34 ราย ชาวเวียดนาม 3 ราย ชาวมาเลเซีย 2 ราย ชาวเยเมน 1 ราย ชาวกัมพูชา 1 ราย ชาวอินเดีย 1 ราย
          เห็นผลจากค้นหาเชิงรุก
          กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการไปยังแพทย์ในพื้นที่ให้ลงร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ในพื้นที่เข้าไปดูแล ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าในกลุ่ม 42 คนนี้มีร่างกายแข็งแรงเพราะเป็นวัยแรงงานและอาการต่าง ๆยังไม่มาก แต่จะต้องนำเครื่องเอกซเรย์ปอดเข้าไปเพื่อดูลักษณะการติดเชื้อและตรวจคัดกรองว่าอาการแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ขณะที่ที่ประชุม ศบค.ในวันนี้ ได้นำตัวเลขผู้ติดเชื้อจากศูนย์กักขังฯ ซึ่งพบว่าแรงงานต่างด้าวติดเชื้อ 42 ราย มาหารือว่าต้องนำเรื่องนี้มาเรียนรู้และแก้ปัญหาซึ่งชัดเจนว่าทั้งหมดมาจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ที่ทราบตัวเลขจากการติดเชื้อของแรงงานในสิงคโปร์จึงได้ให้นโยบายเชิงรุกในการติดตามกลุ่มเสี่ยงเป็นการเฉพาะและเข้าไปตรวจติดตามมากขึ้นสอดคล้องกับการที่ได้ประกาศเขตโรคติดต่ออันตรายอีก 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และ เมียนมา มีมาตรการในการเข้าไปดูประเทศ ที่มีขอบชายแดนติดต่อกับไทยจึงมีมาตรการคุมเข้มขึ้นมา
          ทั่วโลกติดเชื้อ2.8ล้านคน
          ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก พบว่า ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมทั่วโลกมี 2,830,082 ราย อาการหนัก 58,523 ราย หายป่วยแล้วสะสม 798,182 ราย และเสียชีวิตไปแล้วกว่า 197,246 ราย โดยสหรัฐ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดคือ 925,038 ราย และมีผู้เสียชีวิต 52,185 ราย ตามมาด้วยสเปน มีผู้ติดเชื้อสะสม 219,764 ราย ผู้เสียชีวิต 22,524 ราย อิตาลีมีผู้ติดเชื้อสะสม 192,994 ราย และมีผู้เสียชีวิต 25,969 ราย ส่วนประเทศในทวีปเอเชีย พบว่าอินเดียมีผู้ติดเชื้อ 24,447 ราย เพิ่มขึ้น 1,408 ราย ญี่ปุ่นมี 12,712 ราย เพิ่มขึ้น 344 ราย สิงคโปร์มียอดสะสม 12,075 ราย มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 897 ราย เกาหลีใต้มี 10,718 ราย เพิ่มขึ้น 10 รายอินโดนีเซียมี 8,211 ราย เพิ่มอีก 436 ราย มาเลเซียมียอดสะสม 5,691 ราย เพิ่ม 88 ราย
          ยกเคสนิวยอร์กสะท้อนโรค
          จากการวิเคราะห์ยอดรวมผู้ป่วยสะสม พบว่าในเอเชีย อินเดีย มีผู้ป่วยสะสมค่อนข้างสูงเพราะมีประชากรจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังมีประเด็นน่าสนใจในต่างประเทศ อาทิ กรณีที่นครนิวยอกร์ก สหรัฐ พบว่าผู้ป่วยโรค โควิด-19 ที่มีผลทดสอบเป็นบวก 138,000 ราย ถือเป็นปลายยอดภูเขาน้าแข็งที่โผล่ให้เห็นเพราะในความเป็นจริงอาจมีมากนับล้านคน เนื่องจากมีข้อจำกัดในช่วงแรกของการตรวจ ในช่วงที่เริ่มการแพร่ระบาดนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ยอมรับว่า การกลับมาเปิดดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ตามปกติอาจเร็วเกินไป แต่แรงกดดันทางเศรษฐกิจและจำนวนคนตกงานที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้หลายมลรัฐมองหาโอกาสเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ทั้งนี้แต่ละประเทศมีปฏิกิริยาหรือมาตรการหรือวิธีการรับมือโรคนี้แตกต่างกันไปซึ่งประเทศเราควรศึกษาจากประเทศต่าง ๆ ในทางที่เขาดำเนินการแล้วว่าเป็นอย่างไร
          มาตรการเอื้อขนส่งสินค้า
          จากนั้น นพ.ทวีศิลป์ แถลงว่าสำหรับการนำคนไทยที่ตกค้างกลับจากต่างประเทศในวันเดียวกันนี้มีนักศึกษาตกค้างจากประเทศอิหร่านกลับมา 21 คน ช่วงบ่ายมีพระภิกษุ แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมกลับจากประเทศอินเดีย อีก 171 คน และจะมีนักเรียน นักศึกษา คนงานและนักท่องเที่ยวกลับจากประเทศออสเตรเลียอีก 212 คน ย้าว่าทุกคนที่กลับมาจะเข้าสถานกักตัวของรัฐ นอกจากนี้ สืบเนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ทำให้หลายคน ติดขัดในเรื่องการขนส่งสินค้าบริเวณด่านพรมแดนนั้นเพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจต้องชะงักงัน โดยเฉพาะมาตรการขนส่งถ่ายสินค้า จึงต้องมีการเอื้ออำนวยด้านธุรกิจการขนส่งชายแดนโดยการให้จัดพื้นที่ควบคุม พื้นที่ถ่ายสินค้าเฉพาะ รวมทั้งให้มีจุดคัดกรองพร้อมมาตรการเพื่อให้มีความมั่นใจและจัดที่พักกักตัวหากจำเป็น ดังนั้นถ้าไม่จำเป็น อยากให้พนักงานขนส่งสินค้าห้ามลงจากรถ ขนส่งเสร็จแล้วกลับขณะเดียวกันหากขนส่งสินค้าข้ามแดนแล้วต้องเข้ามาภายในราชอาณาจักรภายในเวลาไม่เกิน 7 ชม.
          รับสูบบุหรี่เสี่ยงติดโควิด
          เมื่อถามถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลกเตือนผู้สูบบุหรี่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าคนทั่วไปนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าแน่นอนที่ผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่จากชุดพฤติกรรมซึ่งบางคนใช้บุหรี่มวนเดียวกันอาจจะมีปนเปื้อนทางน้าลายรวมไปถึงบางคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีควันพ่นออกมาและควันปริมาณมากถือเป็นละอองฝอยที่นำเชื้อพ่นกระจายออกไปอีกทั้งการสูบบุหรี่ก็เป็นการทำลายปอด พื้นที่ของปอดน้อยลงเชื้อโรคจะเข้าไปจับได้ง่าย เรียกได้ว่าต้นทุนต่ากว่าคนอื่นเจอเชื้อโรคก็แพ้ภัย
          เปิดเกณฑ์คลายล็อกดาวน์
          เมื่อถามว่า ศบค.มีแนวทางการคลายล็อกอย่างไรหรือใช้เกณฑ์อะไรพิจารณาผ่อนคลาย โฆษก ศบค. กล่าวว่า ย้ำว่าต้องดู จากสิ่งที่เกิดขึ้นและสถิติชุดข้อมูลตัวเลขจากสาธารณสุขเป็นหลักรวม ทั้งชุดพฤติกรรมที่ให้เกิดโรคหากกิจการเข้าข่ายความเสี่ยงนี้ก็ไม่น่าจะให้เปิดได้ซึ่งใช้หลักเดียวกันนี้ทั้งโลก แต่ในส่วนของกิจกรรมหรือกิจการที่มีการเว้นระยะห่างได้ก็ยินยอมให้เปิดจึงยึดสถิติตัวเลขและพฤติกรรมเป็นตัวกำหนด ทั้งนี้ไม่ใช่ภาครัฐกำหนดอย่างเดียวแต่กิจการอื่น ๆ ก็สามารถเสนอมาได้ว่ามีมาตรการดูแลอย่างไร หากมั่นใจว่าทำได้และมีปฏิบัติอย่างแข็งขันก็สามารถเปิดได้ ดังนั้นจะใช้มาตรการหลายอย่างรวมกัน
          จว.ผ่อนปรนห้ามหย่อนยาน
          นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงในส่วนของต่างจังหวัดที่มีการคลายล็อกบางมาตรการไปแล้วศบค.จะมีกำชับอย่างไร ว่า เป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหญ่ตามประกาศของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีข้อกำหนดต่าง ๆ ระบุอยู่ ซึ่งหากแต่ละจังหวัดมีการปลดล็อกก็ห้ามมีมาตรการย่อหย่อนกว่าที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกำหนดแต่หากจะมีกฎเกณฑ์ที่เข้มและแข็งกว่าก็ไม่มีปัญหา ดังนั้นแต่ละจังหวัดจะนำไปปรับใช้ ตามสถานการณ์ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่จาก การรายงานจะเห็นภาพทุกจังหวัดต่างเข้มข้น ในการดู นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. จึงขอบคุณทุกส่วนที่ช่วยกันดูแลจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
          ยันสงขลาไม่เสี่ยงโรคเพิ่ม
          เมื่อถามว่า จากตัวเลขผู้ติดเชื้อ 42 รายที่พบจากสถานกักตัวที่ จ.สงขลา จะทำให้ จ.สงขลา มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือไม่ โฆษก ศบค. กล่าวว่า ไม่แน่นอนถ้ามีความเสี่ยงเราไม่ยอมเด็ดขาด เมื่อเรารู้อยู่ตรงไหนก็จัดพื้นที่ให้อยู่โดยมีทีมเจ้าหน้าที่สนธิกำลังดูแลเต็มที่จึงขอให้มั่นใจ และขอขอบคุณชาว จ.สงขลา ที่มีเมตตาทางมนุษยธรรมแม้ไม่ใช่คนไทยแต่มีพื้นที่ให้รักษาตัวก่อนกลับประเทศถือเป็นการทำบุญต่อชีวิตของคนที่เรากำลังทำร่วมกัน เมื่อถามอีกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นวันนี้ จะมีผลต่อการพิจารณาผ่อนปรนในพื้นที่ จ.สงขลาหรือภาพรวมทั้งประเทศหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความเป็นจริงและอย่าลืมว่าในประเทศสิงคโปร์ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากหลักพันเป็นหลักหมื่นเกิดจากการแพร่กระจายจากแรงงานต่างชาติสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในไทย จึงต้องเรียนรู้สถานการณ์จากต่างประเทศเมื่อรู้แล้วรีบรักษา
          ชงระงับต่างชาติเข้าไทย
          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวกรณีที่มีการตรวจพบชาวต่างชาติ 42 คน ที่ศูนย์กักขังคนเข้าเมืองอ.สะเดา จ.สงขลา ติดเชื้อโควิด-19 ว่ามันชัดเจนแล้วว่าตอนนี้โควิด-19 ระบาดในหลายประเทศรวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดความสูญเสีย และลดปัญหาในการควบคุมโรค ทางกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.ให้มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ สำหรับในประเทศเราสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วแต่หากมีเคสที่หลุดเข้ามาจากต่างชาติ การควบคุมโรคจะประสบปัญหา
          เจ้าหน้าที่กกต.ติดโควิด
          อีกด้าน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เผยแพร่เอกสารข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่าวันที่ 24 เม.ย.ได้รับแจ้งจากสำนักวินิจฉัยและคดี ว่าพบพนักงานติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จำนวน 1 คน เป็นเจ้าหน้าที่นิติกรสำนักวินิจฉัยและคดี ซึ่งติดเชื้อขณะปฏิบัติงานนอกสถานที่ (ทำงานที่บ้าน) ที่อาคาร 6 เคหะหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 5 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งได้ประสานกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ. เกษมราษฎร์ นนทบุรีแล้ว เบื้องต้นสอบสวนประวัติการเจ็บป่วยแล้วพบว่าเป็นคนไข้ในกลุ่มไม่แสดงอาการ และไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ โดยสำนักงาน กกต. จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาบริเวณพื้นที่เสี่ยงเพื่อแจ้งให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ทั้งกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มเสี่ยงต่าทราบ เพื่อดำเนินการตรวจหาเชื้อเพิ่มเติมหรือกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน เพื่อตรวจดูอาการ
          เร่งคัดกรองบุคคลเสี่ยง
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานคนดังกล่าว แม้จะปฏิบัติงานที่บ้าน แต่จะเดินทางเข้ามาที่สำนักงานกกต.สัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือในวันอังคาร ทางสำนักงานกำลังตรวจสอบว่าพนักงานคนดังกล่าวใกล้ชิดใครบ้าง เบื้องต้น ยังไม่รู้ว่าไปติดมาจากใครและที่ใด ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าพนักงานคนดังกล่าวได้ตรวจร่างกายกับทาง รพ. ที่มารับบริการตรวจ และเมื่อทราบผลทาง รพ. ได้ส่งรถมารับตัวจาก ที่พักไปรักษาทันทีเมื่อเย็นวันที่ 24 เม.ย.ที่ ผ่านมา
          กทม.ตรวจตลาดยิ่งเจริญ
          นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกทม. ลงพื้นที่ตรวจติดตามการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พร้อมทั้งแจกแอลกอ ฮอล์ล้างมือและหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้แก่ผู้ประกอบการค้าและผู้มาจับจ่ายซื้อของในตลาดมี นางกนกรัตน์ พันธ์นรา รองผอ.สำนักอนามัย นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตบางเขน ร่วมลงพื้นที่
          เตรียมแผนรักษาต่างด้าว
          ที่ จ.สงขลา บรรยากาศที่ศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมืองสงขลาซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา ถูกปิดตายห้ามไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าออกอย่างเด็ดขาดหลังจากที่ตรวจพบแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองติดเชื้อโควิด-19 รวม 42 คน จากทั้งหมด 115 คน และขณะนี้ทั้งหมดยังถูกกักตัวอยู่ภายในศูนย์กักขังแห่งนี้ แต่มีแยกตัวผู้ที่ไม่ติดเชื้อไปอยู่อีกห้องเพื่อสังเกตอาการ ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางจังหวัดสงขลาและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลากำลังเตรียมแผนการรักษาแรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อโควิด-19 ว่า จะส่งไปรักษาที่ รพ. หรือรักษาภายในศูนย์กักขัง
          ไฟเขียวเปิดตลาดรอมฎอน
          ที่ จ.นราธิวาส นายเศวต เพชรนุ้ย นายอำเภอสุไหงปาดี อนุญาตให้เปิดตลาดรอมฏอนหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดีให้พ่อค้าแม่ค้าร่วมขายอาหาร เครื่องดื่มและขนมของหวานแก้บวชเพื่อละศีลอดในเดือนรอมฎอนตามหลักศาสนาอิสลาม ภายใต้มาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจัดหาอาหารเพื่อละศีลอดตลอดทั้งเดือน พร้อมกันนี้ นายอำเภอสุไหงปาดีและปลัดอำเภอได้เดินตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยบริเวณตลาด
          ตรวจวัดไข้แคมป์คนงาน
          ที่ จ.ภูเก็ต นายศิริพงษ์ หลีประสิทธิ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต พร้อมกำลัง ออกสำรวจข้อมูลและคัดกรองวัดไข้ ตามโครงการสำรวจข้อมูล และคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา รวมทั้งหมด 497 คน ยังแคมป์คนงาน ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ประกอบด้วยแคมป์ pk 2001 แรงงานพม่า 85 คน ไทย 6 รวม 91 คน แคมป์ภูเก็ตธวัชชัย แรงงานพม่า 45 คน ไทย 22 รวม 67 คน แคมป์บริษัทสามศิลาชัย แรงงานพม่า 4 คน ไทย 12 รวม 16 คน แคมป์บริษัทไตรมิตรวิศวกรรมแรงงานพม่า 141 คนไทย 3 รวม 144 คน แคมป์อึ้งแซ่เฮง (หลังรพ.อบจ.) แรงงานพม่า 23 คนไทย 100 รวม 123 คน และ แคมป์ CST กรีนเอ็นจิเนียริ่ง แรงงานพม่า 34 คนไทย 22 รวม 56 คน ผลไม่พบบุคคลที่มีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
          แฉบิ๊กขรก.ว้ากชุดคัดกรอง
          ที่ จ.อุบลราชธานี จากกรณีเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา มีข้าราชการชายระดับสูงของจังหวัดเดินทางโดยเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯ มาลงที่สนามบินอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ชุดคัดกรองได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการป้องกันการ แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไม่มียกเว้น แต่บิ๊กข้าราชการดังกล่าวไม่พอใจ ใช้กิริยาอาการไม่สุภาพดุด่าว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ จนสังคมโซเชียลฯ ต่างวิพากษ์วิจารณ์พร้อมเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้นำตัวบิ๊กข้าราชการรายนี้มาลงโทษนั้น ล่าสุด นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผวจ.อุบลราชธานี สั่งการให้ นายเธียรชัย พุทธรังษี และ นายอุทัย ทองเดช รองผวจ.อุบลราชธานี ลงพื้นที่สนามบินอุบลราช ธานี ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ชุดปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมโรคพร้อมรับข้อสั่งการจากกระทรวงมหาดไทย ให้รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหาบุคคลที่ใช้กิริยาไม่สุภาพเป็นการด่วนซึ่งมีรายงานว่าเป็นบิ๊กข้าราชการตำรวจรายหนึ่งในจังหวัด
          ผู้นำสหรัฐโดนรุมตำหนิ
          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ถูกกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงด้วยคำพูดของเขาที่เสนอให้ใช้ยาฆ่าเชื้อในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าเป็นการรักษาที่เป็นอันตราย เพราะผู้ป่วยควรจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง มีหลักฐานตรวจสอบได้และผ่านการตรวจแล้ว อย่างไรก็ตามผู้นำสหรัฐได้ออกมากล่าวในตอนหลังว่าเป็นการพูดเหน็บแนมเท่านั้น ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการแพร่ระบาดของไวรัส ผู้นำสหรัฐถูกกดดันอย่างหนักให้หาทางออกเพื่อแก้ปัญหาการรักษาระยะห่างทางสังคมให้ได้ เพราะมีคนอเมริกันตกงานแล้วในขณะนี้ 26 ล้านคน
          เบลเยียมปลดล็อกล่าสุด
          ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันเพราะไวรัสโควิด-19 ในประเทศตะวันตกเริ่มลดลงบ้างแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณความหวังที่นักระบาดวิทยากำลังมองหาทางอยู่ แต่องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า ประเทศอื่น ๆ ยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้นของการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสเท่านั้น หลายประเทศโดยเฉพาะบางพื้นที่ในยุโรปได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว โดยเบลเยียม เป็นประเทศล่าสุดในยุโรป หลังประกาศใช้มาตรการเข้มข้นมาตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ธุรกิจร้านค้า จะเริ่มกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในวันที่ 11 พ.ค. และโรงเรียนจะกลับมาเปิดเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. เป็นต้นไป ทั้งนี้ เบลเยียมเป็นประเทศที่มีประชากร 11.5 ล้านคน พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสกว่า 44,000 รายและเสียชีวิตเกือบ 6,700 ศพ.


pageview  1205968    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved