นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ปัจจุบันสภาพอากาศในจังหวัดนครพนมยังคงมีความหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วย โดยหนึ่งในนั้น คือ การสวมใส่เสื้อกันหนาว ซึ่งหลายคนเลือกใช้เสื้อผ้ามือสอง เพราะมีทุนทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงอยากฝากเตือนเกี่ยวกับผู้ที่เลือกใช้เสื้อผ้ามือสอง ให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยควรทำความสะอาดให้ดี เพราะเสื้อผ้ามือสอง อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนมากับเสื้อผ้าด้วย อาจก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางผิวหนังได้ เช่น โรคกลาก เกลื้อน โรคหิด นอกจากนี้ยังมีโรคภูมิแพ้ เพราะในเสื้อผ้ามือสอง มักมีไรฝุ่นที่จะไปกระตุ้นอาการของคนที่มีภาวะภูมิแพ้ผิวหนังได้ รวมถึงเสื้อผ้ามือสองยังอาจเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ ได้ ถ้าไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี อาทิ การทำ ความสะอาดด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยกำจัดพวกหิดเหาที่ติดมาได้
          รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยอีกว่า กรณีที่ไม่แน่ใจว่าเสื้อมือสอง ผ่านการทำความสะอาดมาหรือไม่ ให้นำมาใส่ในถุงพลาสติกแล้วปิดปากถุงให้สนิททิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน เพื่อให้ตัวเชื้อโรคตาย ที่สำคัญ คือ ถ้าใช้เสื้อผ้ามือสองแล้วเกิดมีผื่นพยายามอย่าแกะเกาหากสงสัยให้รีบไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยโรคทันทีอย่างถูกต้องวิธี นอกจากการเลือกเสื้อผ้ามาสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแล้ว ยังมีโรคที่ต้องระวังในช่วงหนาวนี้ เช่น โรคหัดซึ่งลักษณะอาการจะมีไข้ 3-4 วัน จากนั้นจะมีผื่นขึ้นตามตัว โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ต่อมา คือ โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดบวม อาการ คือ มีไข้และไอ บางรายอาจจะมีน้ำมูกด้วย โดยโรคปอดบวมจะมีอาการเพิ่มมาคือมีอาการหอบร่วมด้วย ทั้ง 2 โรคนี้สามารถป้องกันได้ ด้วยการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ที่สำคัญ คือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ตามมาด้วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน วิธีป้องกันก็คือ การกินร้อนช้อนกลางล้างมือ
          นพ.ธราพงษ์ เปิดเผยด้วยว่า อีกโรคที่พบในหน้าหนาว คือ โรคมือเท้าปาก ซึ่งมักจะพบในเด็กเล็ก อาการ คือ มีไข้สูงบางรายอาจจะมีไข้ต่ำโดยเด็กที่ป่วยจะมีผื่นขึ้นเป็นจุด แดง ๆ ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก อาการเหล่านี้จะส่งผลให้เด็กรับประทานอาหารได้น้อยลง ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปพบแพทย์และให้หยุดเรียน เพื่อแยกการสัมผัสคลุกคลีกับเด็กอื่น ๆ และพยายามให้เด็กดื่มน้ำบ่อย ๆ.