ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 15 พ.ค. นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกนำชาวบ้านในชุมชนมาบตาพุดกว่า 50 คน ยื่นหนังสือต่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศ ส.ว.สรรหา ประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พิจารณาดำเนินการกรณีเหตุเพลิงไหม้ใน บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และเกิดแก๊สรั่วไหลภายในโรงงาน บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลล์ จำกัด จนมีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตหลายราย ทางเครือข่ายฯ จึงขอเสนอมาตรการ 9 ข้อ 1. ขอให้เปิดเผยข้อเท็จจริงเหตุการณ์อย่างโปร่งใส 2. ให้โรงงานนำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติปี 2553-2557 มาใช้อย่างจริงจัง 3. ฟื้นฟูและบำบัดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ 4. ชดเชยและเยียวยาอย่างเป็นธรรม 5. ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อหน่วยงานที่กระทำผิดฐานละเลย 6. ทำผังเมืองให้มีประสิทธิภาพ 7. ทำบัญชีการถือครองวัตถุอันตราย และแจ้งให้ประชาชนทราบ 8. เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการไตรภาคีที่จะทำการตรวจสอบโรงงาน และ 9. ระงับการลงทุนอุตสาห กรรมปิโตรเคมีทั้งในนิคมและนอกนิคม
          ด้าน นายสุรชัย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบสารเคมีชื่อโคโลอีน จัดอยู่ในประเภทสารเคมีร้ายแรง ซึ่งตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าโรงงานได้รับการอนุมัติผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้อย่างไร โดยในวันที่ 16 พ.ค. ทาง กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบภายในมาบตาพุดอีกครั้ง เนื่องจากทราบว่ามีความพยายามของนิคมอุตสาหกรรมที่จะขยายพื้นที่อีก อาจจะสร้างผลกระทบด้านสุขอนามัยต่อประชาชน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐไม่ทำงานแบบวัวหายล้อมคอก สร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านมากกว่าแค่รอจ่ายเงินเยียวยา เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งในวันเดียวกันทางเครือข่ายฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อที่หน้าทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ.