|
|
|
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 16/05/2555 ] |
|
|
|
|
พยาธิหนอนหัวใจตูบตายคนเดี้ยง |
|
|
|
|
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. สพญ.ดร.ศิริลักษณ์ สุรเชษฐ์พงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า โรคพยาธิหนอนหัวใจ เป็นโรคที่ประชาชนมักเข้าใจผิดว่าเกิดขึ้นในสุนัขเท่านั้น ทั้งที่ติดต่อสู่คนได้โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค หากยุงกัดสุนัขที่เป็นโรคนี้แล้วมากัดคนก็อาจติดพยาธิหนอนหัวใจได้เช่นกัน โดยเฉพาะในสภาวะภูมิอากาศแปรปรวนร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้ทั่วโลกหันมาตื่นตัวเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจ ที่จะขยายพันธุ์ได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น เช่นเดียวกับการแพร่พันธุ์ของยุง ประเทศไทยซึ่งมีสภาวะอากาศร้อนชื้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคนี้โดยเฉพาะเขตชุมชนเมือง อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เสี่ยงถึง 51% โดยเฉพาะสุนัขที่อาศัยในที่ชื้นแฉะ มีน้ำขัง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเมื่อตัวอ่อนพยาธิหนอนหัวใจติดต่อจากยุงเข้าสู่คน ตัวอ่อนพยาธิไม่สามารถเติบโตเต็มวัยได้ แต่จะตายและกลายเป็นก้อนเนื้ออุดตันตามแขนงหลอดเลือดปอด ทำให้เยื่อบุหลอดเลือดแดงอักเสบกลายเป็นก้อนเนื้อตายใกล้ผิวปอด ผู้ป่วยมักไม่ค่อยแสดงอาการ แต่ในบางรายมีอาการรุนแรง เช่น ปวดแน่นหน้าอก ไอปนเลือด ไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำ หนาวสั่นอ่อนเพลีย และไม่สบายตัว หากเข้ารับการฉายรังสีจะพบว่าที่ปอดมีจุดขาวกระจาย ลักษณะคล้ายมะเร็งปอด
สพญ.ดร.ศิริลักษณ์ กล่าวต่อว่า ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุด 145 คน อเมริกามากกว่า 110 คน นอกจากนี้ยังพบที่ประเทศไต้หวัน เกาหลี อินเดีย ศรีลังกา บราซิล สเปน อิตาลี และออสเตรเลีย ในทุกช่วงอายุตั้งแต่ 8-80 ปี สำหรับประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อปี 2541 โดยพบก้อนเนื้อตายที่ปอดล่างขวา นักสาธารณสุขทั่วโลกจึงเร่งป้องกัน ขณะที่ประเทศไทยป้องกันไม่ให้ยุงกัดสุนัขได้ยากเพราะอยู่ในเขตร้อนมียุงชุมตลอดปี การป้องกันคือลดความชุกของโรค ผู้เลี้ยงสุนัขต้องมีจิตสำนึกและนำสุนัขไปรับการป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจจากแพทย์เพื่อลดโอกาสติดเชื้อสู่คน.
|
| | |
|
| |
|
pageview 1205450 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |