การประชุมวาระฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) มีมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประกาศให้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ถือเป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" หลังก่อนหน้านี้ปฏิเสธการประกาศดังกล่าวถึง 3 ครั้ง เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในดีอาร์คองโกครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดครั้งที่ 2 ต่อจากการแพร่ระบาดระหว่างเดือน พ.ค. ถึงก.ค. ปีที่แล้ว แต่มีความรุนแรงกว่ามาก โดยยืดเยื้อตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีเดียวกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 1,700 คน และยังแพร่ระบาดข้ามพรมแดนไปยังยูกันดา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน
          อย่างไรก็ตาม นพ.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ ปฏิเสธให้ความเห็นต่อเสียงวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับบทบาทของดับเบิลยูเอชโอต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในดีอาร์คองโก โดยยืนยันว่าดับเบิลยูเอชโอไม่เคยเพิกเฉยต่อวิกฤติการณ์ทางสาธารณสุขครั้งนี้ แต่ในทางกลับกัน ทุกฝ่ายยิ่งเพิ่มความช่วยเหลือให้แก่ทุกประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบ ซึ่งในดีอาร์คองโกมีประชาชนมากกว่า 160,000 คน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และในที่สุดมีมติว่า "ถึงเวลาอันสมควร" ที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อกระตุ้นความสนใจของทั่วโลกมาที่ดีอาร์คองโกและประเทศเพื่อนบ้านของดีอาร์คองโก ซึ่งตอนนี้ล้วนเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะมีการแพร่ระบาดข้ามพรมแดน.