HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 08/03/2555 ]
ศิลปินขึ้นเหนือต่อต้านเผาป่าแม่เมาะทุกข์ซ้ำ

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ จ.เชียงใหม่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่บริเวณถนนท่าแพ ด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานการเดินรณรงค์โครงการ "หยุดเผาเพื่อลมหายใจ" NO BURN โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ภาคประชาชน พร้อมด้วยกลุ่มเหล่าศิลปิน เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ได้แก่ กิ๊บซ่า แนนนี่ เบลล์ มาร่วมเดินรณรงค์ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันเดินจากถนนหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดมาตามถนนท่าแพ มุ่งเข้าสู่ลานอเนกประสงค์ช่วงประตูท่าแพ เพื่อเปิดพิธีรณรงค์อย่างเป็นทางการ และมีการจัดนิทรรศการรณรงค์เรื่องปัญหาหมอกควัน ปัญหาสุขภาพ พร้อมบริการตรวจสุขภาพแจกหน้ากากอนามัยของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
          นายวรวัจน์ กล่าวว่า การเดินรณรงค์ครั้งนี้ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมพลังกันแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ประสบภัยจากวิกฤิตหมอกควันด้วยพลังจิตอาสาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัด โดยกำหนดให้เป็นจุดเริ่มต้นการใช้มาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกวดขันจับกุมผู้ลักลอบเผาป่าทุกพื้นที่ และหากดำเนินการจับกุมผู้ที่เผาได้ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท การสร้างจิตสำนึก การให้ทำความสะอาดฉีดล้างเพื่อลดฝุ่นละอองและติดตามผลโดยการใช้แผนที่ดาวเทียมร่วมกับการบังคับใช้กฎหมาย ให้เหมาะสมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ โครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 10 มีนาคม ที่จ.เชียงราย
          "เนื่องจากทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับและสั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และประสานกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นซึ่งประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล นำรถน้ำที่มีอยู่ช่วยออกมาฉีดล้างถนนและต้นไม้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง มีการถ่ายทอดอบรมความรู้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากการเผาทำลายป่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงผลกระทบที่จะได้รับจากปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว" นายวรวัจน์กล่าว
          ม.ล.ปนัดดาเปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควัน ในจ.เชียงใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงฤดูแล้งของทุกปี ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวมของ จ.เชียงใหม่ และจังหวัดทางภาคเหนือตอนบน ในปีที่ผ่านมามีผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและไฟป่า ซึ่งใน จ.เชียงใหม่ มีค่าพีเอ็ม10เกินมาตรฐาน 7 วัน มีจุดฮอตสปอตสะสม 1,698 จุด มีรายงานไฟป่าสะสม 487 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหาย 3,193 ไร่ จากข้อมูลสภาพภูมิอากาศ และเชื้อเพลิงที่สะสมเป็นปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา จะส่งผลให้เกิดไฟป่าในแต่ละครั้งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
          ม.ล.ปนัดดากล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศโลกอันเป็นผลเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศและสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษและพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าสูงเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานที่ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ทางจังหวัดจึงได้บูรณาการทุกภาคส่วน รวมทั้งเครื่องจักรกล เครื่องมือ อุปกรณ์ร่วมกันดำเนินการรณรงค์และป้องกันไฟ รวมถึงติดตามจับกุมผู้กระทำผิดการเผาป่า การเผาในที่โล่งด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการจับกุมเรื่องการเผา เป็นเพียงการตักเตือนเท่านั้น แต่หลังจากนี้จะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง
          ด้าน ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกควันขณะนี้ก็รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยจากเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ โรคปอด มีเพิ่มมากขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางสาธารณสุขได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแต่ละแห่งออกรณรงค์ พูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ให้ลดเผา รวมถึงมีการทำสปอตโฆษณา และเสียงออกมาเป็นแบบพิเศษ จำนวน 10 ภาษาชนเผ่า คือ ภาษาคนเมืองเจ้า เหมาะประชาชนคนเชียงใหม่ และคนล้านนา ส่วนที่เหลืออีก 9 ภาษาจะเป็นกลุ่มชนเผ่าต่างๆ ทั้งลาหู่ ลีซู อาข่า ม้ง 1 ม้ง 2 เมี่ยน กะเหรี่ยงโปว์ กะเหรี่ยงสะกอ และไทยใหญ่ ซึ่งจะมีการพูดถึงผลกระทบเรื่องปัญหาหมอกควัน และปัญหาสุขภาพ รวมถึงการให้ทุกคนหยุดเผา เพื่อจะได้ทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย
          คาดหมอกควันคลี่คลายสัปดาห์หน้า
          จากสถานการณ์หมอกควันปกคลุมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือมานานกว่า 1 เดือน ขณะนี้สถานการณ์ก็ยังไม่คลี่คลาย ล่าสุด 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอกทำให้มีหมอกควันปกคลุมหนาทึบไปทั่ว ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเดินทางออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคาดว่าในสัปดาห์หน้าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายลง
          นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือว่า ขณะนี้พื้นที่จ.เชียงราย และลำปาง ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะมีปริมาณหมอกควันฟุ้งกระจายในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อประเมินในภาพรวมถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา ทั้งนี้ เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ
          ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นอีกระลอก
          เมื่อวันที่ 7 มีนาคม กรมควบคุมมลพิษสรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือว่า วันนี้พบปริมาณผฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมโครรอน (พีเอ็ม 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 47-268.1 ไมโครกรัมต่อลูกบากศก์เมตร ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไปจนถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งที่ จ.เชียงรายเช้าวันนี้ค่าฝุ่นละอองมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวัดค่าได้ 218.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สาธารณสุขอำเภอแม่สายวัดได้ 268.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          จ.เชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัดวัดได้ 190.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยวัดได้ 146.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จ.ลำพูน สนามกีฬาอบจ.วัดได้ 153.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จ.ลำปางที่ศาลหลักเมือง 180 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสบป้าน 143.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าสี 236.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สำนักงานประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ 140.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          จ.แม่ฮ่องสอน ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 210.9  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จ.น่าน ที่สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน 210.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและ จ.พะเยา ที่อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา 224.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยดัชนีคุณภาพอากาศทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือมีผลกระทบต่อสุขภาพ
          เชียงใหม่พ่นน้ำเพิ่มความชื้นอากาศ
          เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นำรถบรรทุกน้ำ 3 คัน ฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่รอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มความชื้นให้แก่อากาศ เนื่องจากวันนี้ค่าฝุ่นละอองในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ยังคงเกินเกณฑ์ค่ามาตรฐาน ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่วัดค่าฝุ่นละอองในเวลา 12.00 น.ได้ 195.47 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยวัดได้ 145.73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
          รองผู้ว่าฯ พะเยาวอนหยุดเผา
          สภาพอากาศทั่วไปของ จ.พะเยา เมื่อวันที่  7 มีนาคม พบว่าหมอกควันยังปกคลุมไปทั่วจังหวัดเหมือนกับสภาพอากาศหน้าหนาว มีหมอกลงจัดทำให้ผู้คนทั่วไปที่เดินทางออกมาทำบุญใส่บาตรตอนเช้ามีอาการแสบตาคัดจมูก โดยเฉพาะในตัวเมืองพะเยา จนกระทั่งถึงช่วงบ่าย อากาศยังปกคลุมด้วยหมอกควันเหมือนเดิม จากการตรวจวัดค่าของอากาศในวันนี้ วัดได้ 224.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          นายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ขอความร่วมมือชาวบ้านให้งดการเผาทุกสิ่งทุกอย่างในหมู่บ้านชุมชน เพราะหากมีการเผาจะทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณหมอกควันขึ้นอีก และขอให้ชาวบ้านทั่วจังหวัดช่วยกันสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยเตือนมิให้มีการเผาหญ้า ขยะ หรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้งดเว้นการเผาด้วยวันที่ผ่านมาหมอกควันลดน้อยลงไปบ้าง แต่วันนี้เพิ่มขึ้นมาอีก เนื่องจากเกิดจากลมพัดพาเอากลุ่มควันจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาในเขต จ.พะเยา ทำให้สภาพอากาศทั่วไปมีหมอกเพิ่มขึ้นมาอีก
          ชี้ผลกระทบส่วนหนึ่งจากเหมือง
          นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ เลขาธิการเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ช่วงนี้อากาศใน อ.แม่เมาะ อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน หากเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นในภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันที่เกินค่ามาตรฐานถือว่าในพื้นที่อ.แม่เมาะ ประสบปัญหาหนักยิ่งกว่า เพราะได้รับผลกระทบจากฝุ่นขนาดเล็กจากการทำเหมืองลิกไนต์ของ กฟผ. บนพื้นที่กว่า 1 หมื่นไร่ หากคิดเป็นสัดส่วนของสาเหตุหลักสูงถึงร้อยละ 80 มาจากเรื่องนี้
          ส่วนอีกร้อยละ 20 ได้รับผลกระทบจากการเผาป่าของชาวบ้าน จึงทำให้สภาพอากาศของ อ.แม่เมาะ มีผลให้ชาวบ้านเกิดการแสบตา แสบจมูก และปวดหัว ชาวบ้านบางรายที่มีภูมิต้านทานต่ำก็ล้มป่วย นอกจากนี้ทัศนวิสัยการมองด้สวยตาเปล่าไม่น่าจะถึง 3 กิโลเมตร
          ชาวบ้านต้องพึ่งออกซิเจนมือถือ
          นางมะลิวรรณกล่าวต่อว่า อ.แม่เมาะ มีทั้งหมด 42 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 4 หมื่นคน แต่ในจำนวนนี้ 3,300 คน จาก 5 ตำบล ที่เป็นสมาชิกเครือข่าย แทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ที่ตอนนี้กำลังล้มป่วย เนื่องจากสูดฝุ่นขนาดเล็กจากเหมือง และฝุ่นจากหมอกควันโดยไม่มีทางเลือกและอีกปรากฎการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนคือชาวบ้านมากกว่า 100 คน ต้องเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาล และมีการใช้ยาขยายหลอดลมซึ่งชาวบ้านต่างเรียกว่า "ออกซิเจนมือถือ" เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ แม้ในแต่ละเดือนต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงเดือนละ 4,000 บาท เพื่อซื้อยาขยายหลอดลมไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง


pageview  1204937    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved