หายอีก ยาสูตรแอคติเฟดกลุ่มแก้หวัดแก้ภูมิแพ้น ล้องหนจากรพ.กมลาไสย กาฬสินธุ์ กว่า 3 แสนเม็ด เผยเป็นสารตั้งต้นใช้ผลิตยาบ้าได้เกือบล้านเม็ด ไม่มีขายทั่วไป ต้องมีลายเซ็นหมอเป็นผู้สั่งจ่าย
          เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย เปิดเผยว่า นพ.สุพัฒน์ ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มณี สารขันธ์ ร้อยเวร สภ.กมลาไสย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่าน มาว่า ยาสูตรแอคติเฟดชนิดเม็ดของโรงพยาบาลหายไปจำนวนมาก ขอให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดเบื้องต้นนักงานสอบสวนไลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมสอบปากคำผู้อำนวยการโรงพยาบาลไว้แล้วส่วนการติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
          นพ.สุพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยาดังกล่าวได้หายใจจากห้องเก็บยาของโรงพยาบาลจริง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด ชนิดใด มีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะทางผู้ใหญ่ในกระทรวงไม่อยากให้เป็นข่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบห้องจ่ายยาเป็นคนนำยาออกไป แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใครจนกว่าสำนวนการสืบสวนจะแล้วเสร็จ
          พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสยได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจว่า ยาสูตรแอคติเฟดชนิดเม็ดของโรงพยาบาลหายไปจำนวน 356,535 เม็ด แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำออกไป จึงกำชับให้ ผกก.สภ.กมลาไสย และพนักงานสอยสวนเร่งสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง คาดว่าจะรู้ตัวผู้กระทำผิดในเร็วๆ นี้
          นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว กรณีนี้จะต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐคือยาหาย ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบก็ต้องชี้แจง ในส่วนยาหายไปไหนจะต้องถูกดำเนินคดี่งวินัยในส่วนของอาญาต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
          แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ยาสูตรแอคติเฟดชนิดเม็ดนั้น เป็นยากลุ่มยาแก้แพ้ บรรเทาโรคภูมิแพ้ทางจมูก เป็นยาช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และแก้หวัด ซึ่งไม่มีจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป เป็นยาที่แพทย์จะต้องเป็นผู้สั่งจ่ายยาเท่านั้น ต้องมีลายเซ็นแพทย์อย่างน้อย 3 คน และที่สำคัญยาแอคติเฟด 1 เม็ด สามารถนำไปเป็นส่วนประกอบผลิตยาบ้าได้ 3 เม็ด หากนับจำนวนที่หายไปมากกว่า 3 แสนเม็ด ถ้ามีการนำไปผลิตยาบ้าจริงจะได้ยาบ้ามากกว่า 1 ล้านเม็ด
          อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จรัมพร สุรมณ๊ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ประชุทร่วมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมศุลกากร ป.ป.ส. เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของยาแก้ไข้หวัดที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้าได้ หลังจากพบการลักลอบสั่งซื้อยาแก้ไข้หวัดสูตรดังกล่าวจำนวนมากที่โรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ จำนวนกว่า 1 ล้านเม็ด และที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีกว่า 3 ล้านเม็ด โดยคดีอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน
          ทั้งนี้ ยังพบเส้นทางของยาแก้ไขหวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนจากโรงพยาบาลทองแสนขัน และโรงพยาบาล ศูนย์อุดรธานี ที่บ้านพักหลังหนึ่งใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จากการตรวจสอบหลักฐานทั้งกล่องและสติกเกอร์ทีพบในบ้าน ทำให้พบว่ายาแก้หวัดลอตนี้เป็นลอตเดียวกันกับคดีการสั่งยาแก้หวัดที่โรงพยาบาลทองแสนขัน และยาแก้หวัดที่หายไปจากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โดยพบว่ามีการส่งยาแก้หวัดมาจาก จ.อุดรธานี 27 ครั้ง จ.อุตรดิตถ์ 20 ครั้ง คาดว่าจะเกี่ยวพันกับขบวนการยาเสพติดและการสืบสวนของชุด พล.ต.ท.จรัมพร ยังพบว่ามี 6 บริษัทยาจาก 56 บรษัทที่เข้าไปเกี่ยวข้องในการส่งยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนไปให้โรงพยาบาล
          นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีคำสั่งให้ทุกโรงพยาบาลชะลอการสั่งซื้อยาแก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนเป็นการชั่วคราว ให้ไปใช้ยาแก้ไขหวัดชนิดอื่นแทน เพื่อป้องกัน สำหรับยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนห้ามจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป ให้โรงพยาบาลที่มีเตียงคนไข้เท่านั้นที่สั่งซื้อได้ โดยสั่งซื้อได้ 5,000 เม็ดต่อครั้งต่อเดือนเท่านั้น