เรื่องของความสวยความงาม รับรองว่าคุณสาว ๆ ไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แสงแดด ส่องกระทบผิวเจิดจ้าจนยากที่จะหลีกเลี่ยง และเมื่อเป็นเช่นนี้ สาว ๆ จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ผิวสวย ๆ ถูกแสงแดด แผดเผา
          พญ. นิภา ปรัชญาวานิชกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง ประจำคลินิก เดอะฟาส เอสเทติก ย่านเอกมัย บอกว่า ปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากแสงนั้น หลัก ๆ จะเป็นปัญหาฝ้า กระ และผิวหน้าหยาบกร้าน ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสงแดดเท่านั้นที่เป็นตัวการ หลัก แต่แสงจากหลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งมือถือหรือแท็บเล็ต ก็เป็นสาเหตุของปัญหาดังกล่าวเช่นกัน
          "บ้านเราแดดจะแรงมาก ปัญหาฝ้าและกระจึงมักพบบ่อย หากเป็นไปได้จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ในช่วงเวลา 10 โมงถึงบ่ายโมง เพราะเป็นช่วงที่แสงยูวีแรงที่สุด หากไม่สามารถเลี่ยงได้ ก่อนต้องออกไปเผชิญแสงแดดควรทาครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 30 แต่หากต้องมีกิจกรรมกลางแจ้งติดต่อกันนาน ๆ ควรเลือกเป็นกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟอย่างน้อย 50 และควรทาซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง และควรหาตัวช่วยไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด หรือหมวกปีกกว้าง เพื่อให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดน้อยที่สุด และเมื่อต้องทาครีมกันแดดซ้ำ หลายๆ ครั้ง จึงมักมีคำถามเกี่ยวเรื่องสิ่งตกค้างบนใบหน้าตามมา แนะนำว่าควรใช้เมกอีพรูมูปเวอร์เช็ดเครื่องสำอางก่อน แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนปกติของการทำความสะอาดผิวหน้า ก็จะช่วยให้การตกค้างลดน้อยลง ' ผู้เชี่ยวชาญ แนะ
          ทั้งนี้ คุณหมอ กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับการรักษาปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน ง่ายที่สุดคือการทายา วิธีนี้จะเห็นผลช้าที่สุดและใช้ในกรณีที่เป็นฝ้าหรือกระไม่มากนัก ถัดมาคือการรับประทานยา วิธีนี้อาจเห็นผลเร็วขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นค่อนข้างเยอะ แต่การรับประทานยาอาจมีผลข้างเคียงได้ บางคนกินแล้วอาจมีอาการพะอืดพะอม หรือต้านกับยาบางประเภททำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้ ส่วนวิธีที่นิยมกันมากในปัจจุบันคือการยิงเลเซอร์ ซึ่งมีหลายแบบ ด้วยกันอย่าง การทำไอพีแอล จะช่วยในเรื่องการ ทำลายเม็ดสี แต่จะเห็นผลดีกับฝ้าหรือกระที่อยู่ตื้น ถ้าเป็นฝ้าหรือกระที่อยู่ลึกลงไปในชั้นผิว อาจเลือกวิธี คิว สวิช เอ็นดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของแพทย์ก่อนทำการรักษา