|
|
|
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 23/04/2556 ] |
|
|
|
|
ครึ่งประเทศขาดจักษุแพทย์เด็กห่วงทารกเกิดก่อนกำหนดเสี่ยงตาบอด |
|
|
|
|
หมอตาเด็กวิตกทารกเกิดก่อนกำหนดเสี่ยงตาบอด เหตุขาดแคลนจักษุแพทย์เด็ก เครื่องมือแพทย์ เผยทั่วประเทศปี 54 มีเพียง 33 คน 3 ใน 4 ทำงานกทม.-ปริมณฑล ต่างจังหวัดมีจักษุแพทย์เด็กประจำอยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เหลืออีกเกือบครึ่งหรืออาจเกินครึ่งไม่มีเลย อนามัยโลกเผยปี 55 เด็กไทยเกิดกว่า 8 แสนคน เกิดก่อนกำหนด 1 แสนคน คิดเป็น 12 % มีสิทธิเสี่ยงตาบอด
พญ.พรรณทิพา ว่องไว จักษุแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ทารกที่คลอดก่อนกำหนดต้องได้รับการตรวจจอตาเพื่อดูแลรักษาทารกที่มีจอตาเจริญเติบโตผิดปกติประมาณ 4-6 ครั้ง แต่ที่ผ่านมามีทารกไม่ได้รับการตรวจครบตามจำนวนทำให้เกิดความผิดปกติทางสายตา เช่น ตาฝ้าฟางตาบอด เป็นต้น สาเหตุหลักเกิดจากเมื่อทารกกลับบ้านมารดาไม่พาทารกมาตามนัด เพราะปัญหาระยะทางและค่าใช้จ่าย ขาดแคลนจักษุแพทย์เด็กและเครื่องมือตรวจ จำนวนเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอเชื่อว่าหากมีเครื่อง Ret Cam เครื่องมือตรวจจอตาทารกเกิดก่อนกำหนดอยู่ในรถ Mobile Unit ที่มีจักษุแพทย์เด็กพร้อมเครื่องมือเข้าพื้นที่หาผู้ป่วยจะลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้
รศ.นพ.ธราธิป โคละทัต กุมารเวชศาสตร์ชำนาญพิเศษทารกแรกเกิด โดรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ผู้จัดการโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองศ์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็ดพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กล่าวว่า ข้อมูลจากราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยปี 2554 มีจักษุแพทย์ในประเทศทั้งหมด 1,080 คน แพทย์จอตา 180 คน จักษุแพทย์เด็ก 120 คน มีเพียง 300 คนเท่านั้นที่มีความสามารถด้านการดูแลรักษาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีโรคจอตาเจริญเติบโตผิดปกติ ที่สำคัญประมาณ 3 ใน 4 ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลในส่วนต่างจังหวัดมีจักษุแพทย์เด็กประจำอยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ เท่านั้น ส่วนจังหวัดที่เหลืออีกเกือบครึ่งหรืออาจเกินครึ่ง ไม่มีจักษุแพทย์เลย หมายความว่า หากมีทารกคลอดก่อนกำหนดจังหวัดที่ไม่มีจักษุแพทย์จะต้องส่งตัวมายังโรงพยาบาลที่มีจักษุแพทย์
ทั้งนี้ จากรายงานองค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า ประเทศไทยพบอัตราการคลอดทารกในกลุ่มอาเซียนปี 2555 จำนวน 838,300 คน คลอดก่อนกำหนด 100,700 คน คิดเป็นร้อยละ 12 สูงเป็นอันดับที่ 55 ของโลก และอันดับ 6 ในประเทศกลุ่มอาเซียน จากรายงานโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารกฯพบอัตราการคลอดก่อนกำหนดแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่อยู่ระหว่างร้อยละ 5-15 เช่น ประจวบคีรีขันธ์ พบประมาณร้อยละ 4-5 อุดรธานี พบอัตราสูงมากร้อยละ 14-15
รศ.นพ.ธราธิป กล่าวว่า หากมีการคิดค้นนวัตกรรมช่วยทำให้สตรีตั้งครรภ์มีความรู้และสามารถดูแลตนเอง ให้มาฝากท้องทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ ได้รับการสอนเรื่องการดูแลตนเอง เพื่อป้องกันภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และควรเดินทางมาพบแพทย์ทันที่เมื่อมีอาการ จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวลงได้ |
| | |
|
| |