นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ในฐานะผู้แทนองค์กรเอกชนด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวี คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวถึงนโยบายการบริการผู้ป่วยเอดส์มาตรฐานเดียว 3 กองทุนสุขภาพรัฐทั้งหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกันสังคมและสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในการรักษาต้องเป็นมาตรฐานเดียวจริงๆ โดยใช้ 2 แนวทางหลักในการควบคุมการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ทั้งสามกองทุน
          แนวทางแรกใช้ตามของกรมควบคุมโรคในเรื่องการวินิจฉัยโรค และเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัส โดยจะให้ยาต้านไวรัสต่อเมื่อค่าซีดีโฟร์ (DC4) หรือระดับภูมิต้านทานของร่างกายหรือเท่ากับ 350 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ได้รับคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก โดยจะทำให้ผู้ป่วยได้รับยาเร็วขึ้น ลดปัญหาร่างกายทรุดโทรม และแนวทางที่ 2 เป็นการใช้ระบบตรวจสอบข้อมูลที่เรียกว่าโปรแกรมบันทึกข้อมูลการให้บริการยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ (NAPHA PLUS) ซึ่งปัจจุบันสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และประกันสังคมใช้ระบบนี้ ทำให้ทราบจำนวนผู้ป่วยและตรวจสอบได้ว่ามีการให้ยาที่ค่าซีดีโฟร์เมื่อใด และให้ยาสูตรพื้นฐาน หรือให้ยาสูตรดื้อยาไปมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น ทำให้ตรวจสอบการใช้ยาทั้งประเทศได้
          "ในการประชุมผู้แทนจาก 3 กองทุนที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางระบุว่า ยังไม่มีระบบข้อมูลนี้ของผู้ป่วยเอดส์สิทธิสวัสดิการข้าราชการ จำเป็นต้องพัฒนา โดยจะพัฒนาระบบรูปแบบให้เหมือนกัน ขอเวลาให้การพัฒนาอีกราว 1-2 เดือน หากเป็นเช่นนี้เชื่อว่าอนาคตข้อมูลข้อมูลผู้ป่วยเอดส์จะเป็นรูปธรรมทั้งประเทศ ทำให้ทราบว่าผู้ป่วยเอดส์ที่อยู่ในระบบในการรับการรักษามีจำนวนเท่าไหร่จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการรักษาอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยในแง่ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาด้วย เพราะระบบนี้จะตรวจสอบได้หมด" นายนิมิตร์ กล่าว