โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเรื้อรังประเภทหนึ่ง ที่ส่งผลกระทบต่อประชากรโลก มีสาเหตุหลักจาก ภาวะการขาดวิตามินดี จากผลสำรวจพบว่าคนเมืองมีความเสี่ยงมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย จึงร่วมกับ บริษัท ดี เอส เอ็ม จัดเสวนารวมถึงเปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับวิตามินดี ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เมื่อวันก่อน ที่ห้องมาเลเซีย โรงแรมแชงกรี-ล่า ภายในงานนอกจากการเสวนายังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับวิตามินดีในเชิงลึกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
          ดร.แมนเฟรด อีเกอร์โดร์เฟอร์ รองประธาน บริษัท ดี เอส เอ็ม เผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในทวีปเอเชียที่มีข้อมูลการสำรวจระดับวิตามินดี ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับภาวะขาดวิตามินดี เบื้องต้นพบว่า เป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก กระดูกพรุนในผู้สูงอายุ แต่ยังไม่ทราบถึงระดับความรุนแรงและปัญหาที่ตามมาภายหลัง ประเด็นนี้หน่วยงานทั่วโลกต้องหันมาเอาใจใส่มากขึ้น การสำรวจด้วยรูปแบบของ "แผนที่" นั้น จะสามารถเห็นภาพโดยรวมของภาวะการขาดวิตามินดี ทั้งยังสามารถช่วยชี้ถึงจุดที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
          "สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วข้อมูลการสำรวจก็ยังถือว่าไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น แผนที่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ของการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงความรุนแรง จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลในการร่างกฎหมาย หันมาประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง พร้อมทั้งแนะนำบริโภควิตามินดีให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยและได้ผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการผสมเข้าไปในอาหาร หรือเป็นอาหารเสริม โดยควรให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหานี้" แม่งานให้ข้อมูลพร้อมกล่าวย้ำ
          ด้าน ดร.พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันทน์ ศัลยแพทย์กระดูก รองประธานมูลนิธิกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย เผยว่า จากผลการสุ่มสำรวจการขาดวิตามินดีของประชากรไทยทั่วทุกภูมิภาค ในปี พ.ศ.2551-2552 โดยสุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 15-95 ปี พบว่า กว่า 45.2 เปอร์เซ็นต์ ขาดวิตามินดี ซึ่งคนกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงมากที่สุด คิดเป็น 14.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นคนในวัยหนุ่มสาวมีความเสี่ยงมากกว่าคนสูงอายุ เนื่องจาก คนกลุ่มนี้พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด รวมถึงพฤติกรรมในการใช้ชีวิต 
          "เราพบว่า เด็กวัยรุ่นในเมือง มีโอกาสเสี่ยงมาก เพราะส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แตกต่างจากเด็กต่างจังหวัดที่มักเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง อีกกลุ่มคือ คนชราที่ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ ซึ่งเราพบว่าแสงแดดช่วยกระตุ้นผิวหนังให้สร้างวิตามินดี ถ้าได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ คือ 600 หน่วยต่อวัน สำหรับช่วงที่เหมาะในการรับแสง คือ 09.00 น. หรือ 13.00 น. เป็นเวลา 15 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวทิ้งท้าย