เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 28 กรกฎาคม นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ชินโชติ แดงสุริศรี ผบ.สำนักทรัพย์สินทางปัญญา ดีเอสไอ ร่วมกับ พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ผกก.สน.จักรวรรดิ ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจค้นจับกุมสินค้าลามกอนาจารและยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศปลอมหลายประเภท ทั้งหมดลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวนหลายหมื่นชิ้น หลังเข้าตรวจค้นห้องพักให้เช่าเลขที่ 305 และ 503 ชั้น 3 และ 5 อาคารไชน่าทาวเวอร์ ย่านเยาวราช เลขที่ 439 ถนนมังกร แขวงและเขตสัมพันธวงศ์
          นายธาริต เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าตรวจค้นโกดังและสถานที่เก็บสินค้าลามกอนาจาร ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศปลอม และอุปกรณ์เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 13 จุด ทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านเยาวราช สะพานเหล็ก วัดตึกบางบอน สุขสวัสดิ์ 26 และอิสรภาพ 29 จากการตรวจค้นพบสินค้าดังกล่าวเป็นจำนวนมากจึงจับกุมผู้ดูแลในแต่ละแห่งได้ 4 คน คือ นายสมพร หล่อนจำปา นายภุชงค์ ไทยสง่า นายวิลัย ชาวสระใคร และนางศิริรัตน์ เทียบบัด มาดำเนินคดี และจะขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ จากการสืบทราบว่า เป็นกลุ่มเครือญาติชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกันทั้งหมด 6 คน โดยคดีนี้เข้าข่ายความผิดในกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า กฎหมายอาญา เรื่องสิ่งลามกอนาจาร กฎหมายอาหารและยา และกฎหมายเกี่ยวกับภาษี ทั้งภาษีศุลกากร และภาษีสรรพากร
          "เครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่เป็นจุดเก็บสต็อกสินค้าทั้งหมดก่อนจะกระจายไปตามเอเย่นต์ต่างๆ จากการสืบสวน ตรวจสอบกระแสเงินหมุนเวียนในกลุ่มเครือข่ายพบว่า มีเงินหมุนเวียนมากถึงร้อยล้านบาท ซึ่งจะรวบรวมหลักฐานขยายผลกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเพื่อขุดรากถอนโคน" นายธาริต กล่าว
          ด้าน พ.ต.ท.ชินโชติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนอยู่นานหลายเดือนก่อนจะปฏิบัติการตรวจค้นพร้อมกันในครั้งนี้ โดยสิ่งที่เราตรวจสอบมีทั้งเรื่องการขนส่ง การติดต่อสื่อสาร และการเงิน ซึ่งพบว่ามีการกระจายสินค้าอย่างเป็นระบบเป็นขบวนการ ภายหลังการตรวจค้นครั้งนี้จะสอบสวนขยายผลให้ถึงตัวผู้บงการ ซึ่งมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยอยู่แล้ว โดยจะเน้นตรวจสอบหลักฐานด้านการเงินและภาษีเป็นหลัก