ศูนย์วิทย์ภาคเหนือตรวจผลิตภัณฑ์สมุนไพรพบปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียก่อโรค โลหะหนัก แถมปลอมปนยาแผนปัจจุบันเสี่ยงป่วยซ้ำซ้อน
          นายบำรุง คงดี ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 10 เชียงใหม่ กล่าวว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553-2555 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในเขตภาคเหนือได้วิเคราะห์และจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ จัดอบรมความรู้และเทคโนโลยีการใช้ชุดทดสอบเบื้องต้นทั้งด้านยา อาหาร พิษวิทยา และพยาธิวิทยาคลินิก ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ยังจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตและแหล่งปลูกของสมุนไพรให้แก่ชุมชน รวมทั้งสำรวจคุณภาพความปลอดภัยทางด้านจุลินทรีย์ โลหะหนัก และการปนปลอมของยาแผนปัจจุบัน ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อสื่อสารความเสี่ยงและแจ้งเตือนภัยสู่ประชาชน
          นายบำรุง กล่าวอีกว่า จากการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรทางห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภาคเหนือ ซึ่งเป็นตัวอย่างส่งตรวจโดยผู้ผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพและเก็บโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ พบว่า มีตัวอย่างยาจากสมุนไพรปนเปื้อนจุลินทรีย์เกินมาตรฐาน 83 ตัวอย่างจาก 226 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 36.7 โดยพบปริมาณเชื้อแบคทีเรียมากกว่าเกณฑ์กำหนดและเชื้อที่พบมากได้แก่ คลอสตริเดียม ซึ่งมักจะปนเปื้อนมาจากดิน
          ทั้งนี้ เชื้อคลอสตริเดียมมีหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก่อโรค เช่น Clostridium tetani ทำให้เกิดโรคบาดทะยัก Clostridium perfringens เป็นเชื้อที่ผลิตพิษโดยสร้างก๊าซออกมา และก๊าซนี้จะไปสะสมในเนื้อเยื่อของร่างกายจนทำให้เนื้อเยื่อตาย นอกจากนี้ยังพบการปนเปื้อนโลหะหนักชนิดแคดเมียมเกินมาตรฐาน (มากกว่า 0.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) 2 ตัวอย่าง จาก 57 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 3.5 แคดเมียมเป็นโลหะที่มีอันตรายต่อไต ทำใหกระดูกผุกร่อน และเป็นสาเหตุของมะเร็ง
          ในการตรวจยาสมุนไพรนั้น พบการปนปลอมของยาแผนปัจจุบัน 42 ตัวอย่าง จาก 115 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 36.5 สำหรับยาแผนปัจจุบันที่พบปนปลอม ได้แก่ ยากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น dexamethasone, prednisolone และ phenylbutazone การปนปลอมจากสเตียรอยด์จะเป็นผลให้ผู้บริโภคที่ได้รับเป็นประจำมีภูมิคุ้มกันลดลง กระดูกผุ เป็นแผลในกระเพาะและเป็นโรคไตได้ ยังตรวจพบการปนปลอมตัวยารักษาข้ออักเสบ โรคเกาต์ แก้ปวด (NSAID) และแก้ปวดลดไข้ ชนิด diclofenac, piroxicam และ paracetamol ซึ่งในบางตัวอย่างมีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบันหลายชนิดดังกล่าวข้างต้น การได้รับยาแผนปัจจุบันกลุ่ม NSAID มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร หากขนาดยาไม่สูงและได้รับในช่วงสั้นๆ อาจจะมีอาการแน่นท้อง เสียดท้อง แต่หากได้รับยาในขนาดสูงและติดต่อกันนานอาจจะทำให้เกิดโรคกระเพาะ ตับอักเสบ มีปัญหากับไต