จากตัวเลขผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคไตวายเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีการรณรงค์ป้องกันโรคกันต่อเนื่อง โครงการ "กำลังใจเพื่อชีวิตอิสระ ของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง" จึงจัดเสวนา "3 รู้...สู้โรคไต" เพื่อให้ความรู้เรื่องโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย รวมทั้งการป้องกัน และวิธีการบำบัดรักษาที่ถูกต้อง พร้อมบริการตรวจวัดความดันโลหิตสูงและน้ำตาลในเลือด ที่ตึกอำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันก่อน
          พญ.ปิยะธิดา จึงสมาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตและการบำบัดทดแทนไต ศูนย์ล้างไตทางช่องท้องโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เผยว่า อุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง สูงถึงร้อยละ 4.5 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ทั้งที่ไม่ทราบมาก่อน หรือทราบแต่ไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งเป็นโรคไตวายเรื้อรังในที่สุด และยังมีโรคเกาต์ นิ่วในไต หน่วยไตอักเสบ รวมถึงอาจเกิดจากผลข้างเคียงจากการใช้ยา และสารเคมีต่างๆ รวมถึงภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงไต และการเป็นมาแต่กำเนิด
          "สิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของการป้องกันโรคไตวายเรื้อรัง คือต้องรู้จักป้องกันและดูแลสุขภาพ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่สำคัญต้องรักษาโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคเกาต์ ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต ควรได้รับการตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อคัดกรองโรคไตวายเรื้อรังอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตแนะ
          นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังต้องรู้จักสังเกตสัญญาณอันตรายบ่งบอกโรคไต ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของการขับถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะสุดุดหรือมีเศษนิ่วปน มีเลือดปน มีสีน้ำล้างเนื้อ, การบวมของใบหน้า รอบดวงตา เท้า และท้อง กดแล้วเป็นรอยบุ๋ม, มีอาการปวดเอวหรือหลังด้านข้าง, ความดันโลหิตสูง ทั้งนี้บางคนอาจไม่แสดงอาการเหล่านี้ จึงต้องอาศัยการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัย
          ในกรณีผู้ป่วยไตวายที่ยังสูญเสียสภาพไตไม่มาก ยังไม่จำเป็นต้องบำบัดทดแทนไต แต่ต้องพยายามชะลอการเสื่อมของไตด้วยการจำกัดอาหารที่มีรสจัด รวมถึงเนื้อสัตว์ต่างๆ เครื่องในสัตว์ ไข่ นม พวกผัก หัวผักกาดสีแสด ผักชี ผักที่มีใบสีเขียวเข้ม ถั่ว ผลไม้แห้งทุกชนิด, จำกัดปริมาณน้ำดื่มในแต่ละวันให้เหมาะสม, ไม่ทำงานหนัก หรือเล่นกีฬาหักโหม อาบน้ำทุกวันโดยใช้สบู่อ่อน ทาผิวหนังด้วยน้ำมันหรือครีม เพื่อลดอาการผิวแห้งและคัน ตัดเล็บให้สั้น ทำความสะอาดปากและฟันบ่อยๆ เพื่อลดการติดเชื้อ แต่หากผู้ป่วยมีอาการถึงระยะสุดท้าย ต้องบำบัดทดแทนไต ซึ่งมีอยู่ 3 วิธี คือ การปลูกถ่ายไต การฟอกเลือด และการล้างไตทางช่องท้อง