กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลคุณภาพน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญทั่วประเทศผ่านเกณฑ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 68.59 แนะผู้ประกอบการต้องยื่นขออนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากไม่ดำเนินการอาจต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการเก็บตัวอย่างน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เทศบาลนครและเทศบาลเมือง พบว่าคุณภาพน้ำของตู้น้ำหยอดเหรียญมีแนวโน้มดีขึ้น มีผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ร้อยละ 68.59 สูงขึ้นจากปี 2557 ที่มีเพียงร้อยละ 40.9 ปัญหาหลักที่ทำให้คุณภาพน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญไม่ผ่านเกณฑ์คือปนเปื้อนแบคทีเรียเนื่องจากไม่มีการดูแลรักษาความสะอาดของตู้น้ำหยอดเหรียญและขาดการบำรุงรักษาระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำภายในตู้
          ประชาชนที่ใช้บริการตู้น้ำหยอดเหรียญควรสังเกตสภาพของตู้น้ำหยอดเหรียญทั้งภายในและภายนอก ตัวตู้จะต้องสะอาด ไม่สกปรก ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม จุดติดตั้งต้องมีความสะอาดโดยรอบ ตั้งอยู่บนพื้นที่เหมาะสม ไม่ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูล ช่องรับน้ำภายในตู้ต้องสะอาด ไม่มีคราบสกปรกหรือฝุ่นละออง หัวจ่ายน้ำต้องทำจากวัสดุที่เหมาะสม ด้านหน้าของตู้ต้องติดฉลากแสดงคำแนะนำการใช้งาน รวมทั้งมีสติกเกอร์แสดงรายการตรวจสอบหรือดูแลรักษาที่น่าเชื่อถือ ระบุชื่อบริษัทเจ้าของ ชื่อผู้ตรวจ วันเวลาที่มาตรวจอย่างชัดเจน หากพบตู้น้ำหยอดเหรียญที่ไม่มีคุณภาพสามารถแจ้งไปยังราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้เข้ามาตรวจสอบและดูแลได้
          พญ.พรรณพิมล กล่าวทิ้งท้ายว่า "ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดำเนินการส่งเสริมให้การประกอบกิจการตู้น้ำหยอดเหรียญเป็นไปอย่างถูกกฎหมายและมีสุขลักษณะที่ดีในการประกอบกิจการ การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาระบบคุณภาพในการควบคุมการประกอบกิจการตู้น้ำหยอดเหรียญ (EHA 2003) โดยในส่วนของการควบคุมกำกับการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 นั้น ต้องอาศัยอำนาจของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการกวดขันด้านสุขลักษณะตามข้อบัญญัติท้องถิ่นและกระตุ้นให้ผู้ประกอบกิจการดำเนินการขออนุญาต โดย ผู้ประกอบการจะต้องมายื่นขออนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประกอบกิจการไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"