บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมยาคุณภาพของไทยและของโลก เชิญ ศ.นพ.จอห์น มัลฮอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศแนวหน้าของโลก และเลขาธิการสมาคมเวชศาสตร์ทางเพศแห่งอเมริกาเหนือ และ ศ.นพ.สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศชาย ชั้นนำของไทย เป็นวิทยากรบรรยาย "ไขข้อข้องใจปัญหาสุขภาพเพศชาย แบบเจาะลึก"
          อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ อีดี (Erectile Dysfunction) คืออาการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวและ/หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างสุขสม ปัจจุบันอีดียังเกิดกับผู้ชายอายุน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน โดยมีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่าในอนาคตผู้ชายทั่วโลกจะมีปัญหาอีดีเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
          ศ.นพ.มัลฮอลล์บอกว่า โรคทางร่างกายถึงร้อยละ 80 ส่งผลให้เกิดอาการอีดี โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด เนื่องจากเส้นเลือดส่วนที่มาเลี้ยงอวัยวะเพศชายมีขนาดที่เล็กมาก ดังนั้นหากร่างกายมีภาวะระบบหลอดเลือดผิดปกติ เส้นเลือดในส่วนดังกล่าวจะเกิดอาการตีบตัน เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงและขยายตัวได้ คือ การที่องคชาติไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เพราะอีดีเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยกำลังมีความเสี่ยงจะเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง และไขมันในเส้นเลือดสูง
          สมรรถภาพบนเตียงของผู้ชายมีผลต่อชีวิตคู่และยังเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงโรคร้ายที่จะตามมา สังเกตอาการได้โดย "ประเมินค่าความแข็งตัวของอวัยวะเพศ" (Erection Hardness Score หรือ EHS) ที่เทียบให้เข้าใจง่ายๆ เป็น "ระดับเกรดรัก 1-4" (EHS1-4)
          เกรด 1 (EHS 1) คือ การที่อวัยวะเพศตื่นตัว ขยายขนาดพองขึ้นแต่ไม่แข็ง (อาการอีดีระดับรุนแรง) เกรด 2 (EHS 2) คือ อวัยวะเพศแข็งตัวแต่ไม่เพียงพอที่จะสอดใส่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ (อีดีระดับกลาง) เกรด 3 (EHS 3) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ แต่เพียงพอที่จะสอดใส่ได้ (อาการอีดีระดับต้น) และ เกรด 4 (EHS 4) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ ทำให้สามารถร่วมรักได้อย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย (ปลอดจากอาการอีดี)