จากละครที่กำลังได้รับความนิยม เรื่อง 'แรงเงา' นอกจากจะได้ความสนุกสนานและเข้มข้นของบทละครแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก การเลี้ยงดูในวัยเด็กที่ส่งผลระยะยาว จนกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของลูกเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
          ปัญหาการเลี้ยงดูลูกฝาแฝด ย่อมละเอียดอ่อนกว่าการเลี้ยงดูพี่น้องทั่วไป ด้วยความที่พี่น้องฝาแฝดเกิดมาแทบจะพร้อมกัน รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกัน ทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่คาดหวังว่าลูกฝาแฝดจะต้องมีบุคลิกและลักษณะนิสัยเหมือนกัน เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น จึงเกิดพญ.รัตโนทัย พลับรู้การการเปรียบเทียบ และกลายเป็นปัญหาการเลี้ยงดูได้ในที่สุดเด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ร.พ.เด็ก) กรมการแพทย์ บอกว่า ในความเป็นจริงแล้วฝาแฝดก็เหมือนพี่น้องธรรมดาทั่วไป แม้จะมีหน้าตาเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีบุคลิกหรืออุปนิสัยเหมือนกัน พ่อแม่มักคาดหวังให้ลูกฝาแฝดเหมือนกันทุกประการ เมื่อคนหนึ่งทำผิด ก็จะนำไปเปรียบเทียบกับลูกอีกคน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาได้
          พ่อแม่ควรเข้าใจก่อนว่าพี่น้องทะเลาะกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ สำหรับลูกฝาแฝดก็ไม่มีข้อยกเว้น ในทางกลับกัน ฝาแฝดมีแนวโน้มจะทะเลาะกันมากกว่าพี่น้องทั่วไป เพราะยิ่งเด็กมีอายุใกล้เคียงกันมากเท่าไร ทั้งยังเพศเดียวกัน ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะทะเลาะกันมากขึ้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ ปฏิบัติต่อลูกอย่างเท่าเทียม โดยให้ลูกแต่ละคนได้เป็นตัวของตัวเอง โดยมีพ่อแม่ให้ความรัก ความเข้าใจ กำลังใจ และกอดสัมผัสลูกทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน
          นอกจากนี้ยังอาจประสบปัญหาลูกทั้งสองชอบแข่งขันกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อช่วยลดความขัดแย้ง คือ หากิจกรรมให้ลูกทำร่วมกัน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการแข่งขัน เช่น หากมีการเล่นเกม ก็ควรให้ลูกอยู่ทีมเดียวกัน โดยมีคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นคู่แข่ง แทนที่จะให้ลูกแข่งกันเอง สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ควรกล่าวชมเมื่อลูกร่วมมือกันทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ มากกว่าการทำโทษเมื่อลูกขัดแย้งกัน
          พ่อแม่และผู้ปกครองต้องไม่ลืมว่า ฝาแฝด ก็คือคนสองคน ชีวิตสองชีวิต ที่มีความแตกต่างในตัวเองแม้จะเกิดมาพร้อมกัน แต่ก็ไม่ใช่เงาของกันและกัน ดังนั้นแต่ละคนย่อมมีความชอบ และมีลักษณะนิสัยต่างกันได้ พ่อแม่จึงไม่ควรของกันและกัน ดังนั้นแต่ละคนย่อมมีความชอบ และมีลักษณะนิสัยต่างกันได้ พ่อแม่จึงไม่ควรคาดหวังให้ลูกฝาแฝด ต้องชอบอะไรเหมือนๆ กัน แต่ควรเปิดโอกาสให้ลูกแต่ละคนเลือกสิ่งที่ตนเองชอบ เข้าร่วมกิจกรรมที่แต่ละคนสนใจ โดยไม่ต้องเปรียบเทียบในข้อบกพร่องของลูกทั้งสอง ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นการสร้างปมในใจลูก จนกลายเป็นปัญหาพฤติกรรมตามมา