นพ.ธีรวัฒน์ คูหะเปรม ผอ.สถาบันมะเร็ง กล่าวถึงผลการศึกษาเรื่อง การลดภาระโรคจากมะเร็ง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและเน้นตรวจคัดกรอง ในงานเสวนา ภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย เพื่อก้าวใหม่กับการพัฒนาระบบสุขภาพ ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย โดยการสนับสนุนของ สสส.ว่าสถานการณ์มะเร็งในไทย มีแนวโน้มโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการวินิจฉัยโรคที่ดีขึ้น โดยพบว่าอัตราการเกิดโรคลำดับแรกคือ โรคมะเร็งตับ ถัดมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งแนวโน้มการเกิดมะเร็งเต้านม พบปรากฏการณ์มากขึ้น ส่วนมะเร็งปากมดลูก แนวโน้มลดลง จากมาตรการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างต่อเนื่อง ทำให้รักษาได้ก่อนจะเกิดมะเร็งปากมดลูกขึ้น ส่วนมะเร็งเต้านมที่มีแนวโน้มมากขึ้น อาจเป็นเพราะยังไม่สามารถคัดกรองผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็งได้
          นพ.ธีรวัฒน์กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ระบุว่าโรคมะเร็ง 1 ใน 3 ป้องกันได้ และ 1 ใน 3 ไม่สามารถรักษาได้และนำไปสู่การเสียชีวิต โดย 2 ใน 3 ไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรค และวิธีป้องกัน แต่ความรู้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน พบว่าการป้องกันโรคมะเร็งทำได้ หากลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ควรออกกำลังกายเป็นประจำ และมีโภชนาการที่ดี
          ส่วนมะเร็งที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม ป้องกันได้ยากที่สุด โดยมีสารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อมกว่า 220 ชนิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้การจัดการระดับนโยบาย เช่น ประกาศนโยบายเพื่อลดการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง เป็นต้น
          "ปัจจุบันพบว่าโรคมะเร็งบางชนิด หากตรวจพบเร็วจะลดอัตราการตายลงได้ เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเต้านมที่มีอัตราอยู่รอดถึงร้อยละ 90 หากพบเร็วก็รักษาได้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมียาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีขึ้น แต่ยังมีราคาแพงมาก ซึ่งกำลังหารือระดับนโยบายในการทบทวนบัญชียาหลัก และยานอกบัญชีที่มีราคาแพง เพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้มากขึ้น" นพ.ธีรวัฒน์กล่าว