เมื่อวันที่ 29 ก.ค. พญ.พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ จิตแพทย์ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้มีปัญหาการดื่มสุรา (ผรส.) กล่าวถึงแนวทางและคำแนะนำสำหรับผู้มีปัญหาการดื่มสุราว่า ในทางการแพทย์ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ความผิดปกติพฤติกรรมดื่มสุรา" ซึ่งเป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการดื่ม ทั้งดื่มแบบติด และดื่มแบบอันตราย ก่อให้เกิดโรค เช่น ตับแข็ง ตับอักเสบ ระบบประสาทหรือเสี่ยงต่ออันตราย เช่น อุบัติเหตุ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ขณะนี้มีผู้ป่วยติดสุราเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญพบ ผู้หญิงมากขึ้น และพบผู้ป่วยมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งมาจากเยาวชนหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่าย ประกอบกับผู้ที่ติดสุราไม่ยอมรับว่าตนเองติดสุรา การสังเกตอาการติดสุรา คือ ดื่มเป็นประจำหรือดื่มเกือบทุกวัน หากไม่ได้ดื่มจะมีอาการนอนไม่หลับ หงุดหงิด กระสับกระส่าย เครียด โมโหง่าย มือไม้สั่น มีเหงื่อออกตามร่างกาย ฝันร้าย หูแว่ว ประสาทหลอน หรือมีอาการชัก โดยอาการมากน้อยแล้วแต่ความรุนแรงของการติดสุรา แต่อาการดังกล่าวสามารถปรึกษาแพทย์และรับการบำบัดรักษาได้อย่างปลอดภัย
          จากผลการสำรวจประชากรไทยอายุ 15-60 ปี พบผู้มีปัญหาการดื่มสุรามากถึง 5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นโรคติดสุรา 3 ล้านคน เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง และในพื้นที่ภาคเหนือ อีสานมีปริมาณสูงกว่าภาคอื่นๆ ข้อมูลที่น่าเป็นห่วงพบว่า ผู้ติดสุราขอเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น แสดงว่าผู้ติดสุราอีกร้อยละ 98 ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยมีสาเหตุที่ว่าตัวเองไม่ได้ติดสุรา
          พญ.พันธุ์นภากล่าวว่า สำหรับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำที่คิดจะใช้ช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเลิกดื่ม ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ทำได้ยาก คือ ทำอย่างไรไม่ให้กลับไปดื่มซ้ำอีก เพราะหากผู้ป่วยยังอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ หาซื้อแอลกอฮอล์ได้ง่าย ก็จะเสี่ยงต่อการ กลับไปดื่มซ้ำได้ สำหรับคนที่เริ่มตัดสินใจอยากจะเลิก ควรหาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย โดยปรึกษาแพทย์ หรือผู้ให้บริการทางสุขภาพ หรือสายด่วนเลิกเหล้า 1413