นพ.วิชัย สติมัย ผอ.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ไข้เลือดออกว่าอัตราการระบาดในปี 2555 พบว่าอัตราป่วยสะสมล่าสุดเดือน มิ.ย. 17,086 ราย อัตราเสียชีวิตสะสม 18 ราย ถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยการระบาดในปีนี้ยังพบว่า อัตราการติดเชื้อในผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มพบมากขึ้นแม้ยัง ไม่มากกว่าผู้ป่วยเด็ก แต่ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะการวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกในผู้ใหญ่มักมองข้ามโรคไข้เลือดออกไป ทำให้การรักษาล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น ประกอบกับในปีนี้อัตราการระบาดของเชื้อไวรัสเด็งกี่ชนิดที่ 3 มีจำนวนมากยิ่งขึ้น ทำให้อาจเกิดอาการรุนแรงและเป็นอันตรายต่อ ผู้ป่วยได้
          นพ.วิชัย กล่าวว่า ไข้เลือดออก หรือไวรัสเด็งกี่ จะมีด้วยกัน 4 ชนิด โดยแต่ละปีชนิดของเชื้อไวรัสที่พบจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะการควบคุมการระบาด โดยในปี 2555 การพยากรณ์โรคพบว่าไวรัสชนิด 3 มีแนวโน้มพบมากในปีนี้ พบอุบัติการณ์มากมาจากพื้นที่ภาคใต้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ไวรัสชนิดที่ 3 หากติดเชื้อเป็นครั้งแรก จะมีโอกาสอาการรุนแรงมาก ต่างจากไวรัสชนิดที่ 1 ที่เมื่อติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการไม่หนัก แต่เมื่อติดเชื้อครั้งที่ 2 ถึงจะมีอาการรุนแรงมาก ซึ่งกรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมการแพทย์ และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ทำคู่มือเพื่อให้สถานพยาบาลมีแนวทางในการวินิจฉัยโรค
          นพ.วิชัย กล่าวว่า วิธีสังเกตอาการที่สำคัญคือ มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อย แต่ไม่มีน้ำมูก โดย 2-3 วัน จะเริ่มมีอาการดีขึ้นหรือแย่ลง ระหว่างนี้อาจจะมีเลือดออกบริเวณใต้ผิวหนังหรือปวดบริเวณใต้ชายโครงขวา หากอ่อนเพลียควรทานผลไม้หรือน้ำเกลือแร่ หมั่นเช็ดตัว และไม่ทานยาแอสไพริน ทั้งนี้การควบคุมการระบาดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะชุมชน เพื่อลดปริมาณลูกน้ำยุงลายที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งพบว่าในสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านก็เริ่มมีแนวโน้มพบการระบาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในชุมชนจึงต้องช่วยกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้นขึ้น