HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 25/05/2563 ]
คัด5พันอาสา ทดลอง วัคซีน

 ยอดป่วย-ตายโควิดเป็นศูนย์ ครั้งที่ 4 ศบค.ย้ำคนวัยทำงานยังเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องดูแลตัวเองเมื่อออกจากบ้าน ด้าน สธ.รอผลวัคซีนทดลองลิงผ่าน เล็งฉีดในคน เตรียมอาสาสมัครไว้ 5 พันคน ขณะที่ทั่วโลกป่วยพุ่งทะลุ 5.4 ล้าน สหรัฐยังอันดับ 1 ยอดป่วยมากที่สุดในโลก 1.66 ล้าน อินเดียยังที่ 1 เอเชีย 1.31 แสน เช่นเดียวกับสิงคโปร์แชมป์อาเซียนกว่า 3.1 หมื่น สลดหนุ่มโรงงานลูก 3 ผูกคอดับ เครียดถูกให้ออกจากงาน กลัวไม่มีเงินเลี้ยงครอบครัว เมียสงสารผัวป่วยโรคตับ ตัดสินใจเขียนใบลาออกแทน หวังให้มาพักผ่อนอยู่กับลูกแล้วค่อยหางานใหม่ แต่ผัวเกิดน้อยใจ ใช้เชือกผูกคอกับเหล็กดัดประตู ทิ้งจดหมายลาตาย ฝากฝังให้เลี้ยงดูลูก
          ติดเชื้อ 0-ไม่ตายเพิ่มครั้งที่ 4
          เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า ข่าวดีคือผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น 0 ราย เกิดจากการปฏิบัติตัวดีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ การรักษาระยะห่าง ทั้งนี้ เท่ากับเรามีตัวเลขเป็น 0 มาแล้ว 4 ครั้ง คือ วันที่ 13 พ.ค. วันที่ 16 พ.ค. วันที่ 22 พ.ค. และวันที่ 24 พ.ค. ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม หายกลับบ้านเพิ่ม 5 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,040 ราย กลับบ้านรวม 2,921 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 63 ราย และเสียชีวิตคงที่ 56 ราย โดยผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ยังเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ขอย้ำว่า การออกไปทำงาน นอกบ้าน ต้องดูแลตัวเองไม่ให้รับเชื้อเพื่อนำกลับไปสู่คนที่รักที่บ้าน ทั้งพ่อแม่ และผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้มากกว่าคนอายุน้อย
          ไทยที่ 75-โลกป่วยทะลุ 5.4 ล.
          พญ.พรรณประภากล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยแล้ว 5.4 ล้านราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 9.9 หมื่นราย เสียชีวิต 3.43 แสนราย โดยบราซิลขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แทนรัสเซีย ส่วนกลุ่มอาเซียนและเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ป่วยสะสมยืนยันสูงสุด 1.31 แสนราย ส่วนประเทศไทยตกอันดับจาก 73 มาเป็น 75 ของโลก ประเด็นที่น่าสนใจ คือ จีน แถลงข่าววัคซีนต้านโควิด-19 ตัวแรกที่ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 มีความปลอดภัย ตอบสนองการสร้างภูมิ คุ้มกันไวรัสได้ โดยทดลองแบบเปิดในผู้ใหญ่สุขภาพดี 108 คน ผลเป็นเชิงบวกช่วง 28 วันที่ผ่านมา แต่ต้องประเมินอีก 6 เดือนว่า วัคซีนผลิตภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ขณะที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ทางอเมริกาใต้เป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ของโควิด-19 โดยบราซิลมีผู้ติดเชื้อ 3.5 แสนคน เป็นอันดับ 2 ของโลก ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ยังไม่มีการตรวจโรคอย่างกว้างขวาง ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะมากกว่านี้
          ด้านเอเอฟพี และเวิลด์โอมิเตอร์ส เว็บไซต์รวบรวมสถิติแบบเรียลไทม์ในสหรัฐอเมริกา รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่ายอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 5,402,198 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 343,823 ราย และรักษาหายแล้ว 2,247,237 คน
          สหรัฐอเมริกายังมีผู้ป่วยสะสมและ ผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,666,828 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จำนวน 21,929 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1,036 คน ส่งผลให้ยอด ผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 98,683 คน บราซิลมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 16,508 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 347,398 คน แซงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก เสียชีวิตแล้ว 22,013 คน รัสเซียมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 9,434 คน ยอดรวม 335,882 คน เสียชีวิตอย่างน้อย 3,388 คน สเปนพบรายใหม่ 466 คน รวมผู้ป่วยสะสม 282,370 คน เสียชีวิต 28,678 คน สหราชอาณาจักรมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 257,154 คน เป็นผู้ป่วยใหม่ 2,959 คน ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 36,675 คน
          อิตาลีมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 669 คน รวมผู้ป่วยสะสมที่ 229,327 คน เสียชีวิตแล้ว 32,735 คน ฝรั่งเศสผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 182,469 คน เสียชีวิต 28,332 คน เยอรมนีเพิ่มขึ้นที่ 179,986 คน รวมยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 8,366 คน ตุรกีเพิ่มเป็นอย่างน้อย 155,686 คน เสียชีวิต 4,308 คน อิหร่านมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 1,869 คน รวมยอด 133,521 คน เสียชีวิตแล้ว 7,359 คน อินเดียพบเพิ่มอีก 6,629 คน ทำให้ยอด ผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 131,423 คน เสียชีวิตแล้ว 3,868 คน เปรูมีผู้ป่วยสะสม 115,754 คน ผู้ติดเชื้อใหม่ 4,056 คน เสียชีวิต 3,373 คน ขณะที่แคนาดาเพิ่มอย่างน้อย 83,621 คน แซงหน้าจีนขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 13 ของโลก เป็นผู้ป่วยใหม่ 1,141 คน และเสียชีวิตแล้ว 6,355 คน ส่วนจีนมียอดผู้ติดเชื้อที่ 82,971 คน เสียชีวิต 4,634 คน
          สำหรับความคืบหน้าในภูมิภาคอาเซียน ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นอันดับแรกยังคงเป็นสิงคโปร์ และอันดับที่ 26 ของโลก กับยอดผู้ติดเชื้อสะสม 31,068 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 642 คน เสียชีวิต 23 คน รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย มีผู้ป่วยสะสม 21,745 คน เป็นผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 949 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 25 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,351 คน ฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยเพิ่ม 13,777 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยใหม่ 180 คน เสียชีวิต 863 คน และมาเลเซียป่วยสะสม 7,185 คน เสียชีวิต 115 คน
          รอผลฉีดวัคซีนให้ลิง
          ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ว่า ประเทศไทยมีความพยายามในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบดีเอ็นเอ (DNA) เอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) การใช้โปรตีนบางส่วนของเชื้อ โครงสร้างมาทำเปลือกไวรัส (VLP) วัคซีนเชื้อตาย หรือเอาไวรัสตัวอื่นมาเป็นพาหะนำสารพันธุกรรมโควิดไปเป็นวัคซีน แต่ที่มีความก้าวหน้า 2 ตัวคือ DNA วัคซีน และ mRNA วัคซีน โดยเริ่มทดสอบในสัตว์ทดลอง ซึ่งวัคซีน DNA โดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และ ไบโอเทค เริ่มทดสอบในหนูทดลอง ส่วนวัคซีน mRNA โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการทดสอบในหนู และเริ่มทดสอบในลิงเมื่อวันที่ 23 พ.ค.
          นพ.นครกล่าวว่า วัคซีนที่ผ่านการทดสอบมีขั้นตอนคือ ต้องผ่านในสัตว์ทดลองให้ได้ผลพอใจ ผ่านเงื่อนไขความปลอดภัย และกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสัตว์ทดลองได้ ถึงเริ่มทำการทดสอบในคนได้ การทดสอบในคนมี 3 ระยะคือ 1.หาความปลอดภัย 30-50 คน 2.กระตุ้นภูมิคุ้มกัน 250-500 คน และ 3.ให้ผลในการป้องกันโรค 1,000 คนขึ้นไป ซึ่งเมื่อวันที่ 22 พ.ค. มีวัคซีนต้นแบบ 10 ชนิดที่เริ่มทดสอบในคนแล้วคือ จีน 5 ชนิด อเมริกา 2 ชนิด อังกฤษ เยอรมนี และออสเตรเลีย อย่างละ 1 ชนิด อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะเริ่มช้ากว่า แต่หลายประเทศที่พัฒนาไปแล้วจะเป็นฐานให้ประเทศที่กำลังพัฒนากันไป จะได้ปรับปรุงวัคซีนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
          เตรียม 5 พันคนทดลองต่อ
          ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า สำหรับวัคซีน mRNA ที่ผ่านด่านหนูและกำลังทดลองลิง คาดว่าสิ้นเดือนพ.ค.นี้น่าจะเรียบร้อย โดยประมาณ 2 สัปดาห์ภูมิน่าจะขึ้น และขึ้นสูงใน 4-6 สัปดาห์ ก็จะตรวจเลือดลิงรอบแรกกลางมิ.ย. แต่ถ้าผลเลือดยังต่ำ ก็รอปลายมิ.ย.หรือต้นก.ค. ทั้งนี้ ในไทยผลิตวัคซีนจากเทคโนโลยี mRNA ไม่ได้ เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่มาก ทั่วโลกขณะนี้มีโรงงานที่ผลิต mRNA ได้ ไม่น่าเกิน 7 แห่ง เราจึงจองโรงงานขนาดเล็กในต่างประเทศก่อน คือที่อเมริกา และเยอรมัน แต่มีโรงงานที่แวนคูเวอร์ แคนาดา เพื่อผลิตให้เราจำนวน 1 หมื่นโดส โดย "เมื่อเราได้ผลทดสอบในลิงดี ก็จะเลือกตัวที่ดีที่สุดไปผลิต ซึ่ง 1 หมื่นโดสมาจากวัคซีนทั่วไปฉีดคนละ 2 โดส จึงเตรียมอาสาสมัครไว้ 5 พันคน คาดว่าจะผลิตได้จากโรงงานแรกเร็วสุดคือเดือนต.ค. และอีกแห่งน่าจะได้ก่อนสิ้นปี เพื่อใช้ทดสอบในคน 3 ระยะคือ ระยะ 1 ประมาณ 30-50 คน เพื่อดูขนาดต่ำสุด ขนาดกลาง ขนาดสูง เทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบ ว่าปลอดภัยหรือไม่ เช่น มีไข้ บวม ผื่น หรือไม่ ระยะ 2 อาสาสมัครก็เยอะขึ้น และระยะ 3 ที่ต้องมากกว่าพันคน" ศ.นพ.เกียรติกล่าว
          ศ.นพ.เกียรติกล่าวต่อว่า การเตรียมการผลิตไม่ใช่รอทุกอย่างเสร็จ ต้องเตรียมโรงงานไทยรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก 2 โรงงานขนาดเล็กนี้ด้วย โดยบริษัท ไบโอเนทเอเชีย พร้อมรับเทคโนโลยีมาผลิต ถ้าแต่ละขั้นตอนผ่านด่านแล้วดี ไทยก็พร้อมผลิตวัคซีนในอีก 1 ปีครึ่งข้างหน้า ถ้าเป็นไปตามแผน อาจได้ผลิตเพื่อหลายล้านคนได้ภายในปลายปี 2564
          ขณะที่ นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด กล่าวว่า จากการหารือเห็นตรงกันว่า ช่วงโรคระบาดต้องเลือกพัฒนาวัคซีนที่มีความรวดเร็วและปลอดภัย ดังนั้น DNA และ mRNA วัคซีนเป็นคำตอบ บริษัทจึงหันมาทำทาง DNA วัคซีน ซึ่งเราก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพผลิต DNA วัคซีนเพื่อใช้ในประเทศได้ และพร้อมรับการถ่ายทอด mRNA
          หนุ่มตกงานผูกคอดับ
          เวลา 10.25 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.บัญชา ชอบธรรม รอง สว.(สอบสวน) สภ.พัฒนา นิคม ได้รับแจ้งมีคนผูกคอตายที่บ้านเช่า หมู่ 5 ต.ช่องสาลิกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร ร.พ.พัฒนานิคม และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ห้องเช่าหมายเลข 2 พบชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยอยู่ ตรวจสอบภายในห้องพบร่างนายประพันธ์ โยศรีคุณ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 15 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ในลักษณะกึ่งนั่งงอเข่า สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขายาวสีน้ำเงิน ใช้เชือกสีแดงมัดโยงกับเหล็กดัดประตูห้องผูกคอตัวเองเสียชีวิต จากการชันสูตรพลิกศพไม่พบบาดแผลร่องรอยการถูกทำร้าย ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ เบื้องต้นคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง โดยบนโต๊ะพบจดหมาย และนาฬิกา 1 เรือนวางทับอยู่ มีข้อความเขียนว่า "แม่จ๋าพ่อไปก่อนนะ เลี้ยงลูกดีๆ นะ"
          จากการสอบถาม น.ส.ภะวนา โยศรีคุณ อายุ 44 ปี ภรรยา ให้การด้วยความเศร้าโศกว่า อยู่กินกับสามีมานานนับสิบปี มีลูก 3 คน และทำงานด้วยกันที่บริษัทใกล้ห้องเช่ามานาน ระยะหลังสามีป่วยด้วยโรคตับแข็ง ร่างกายอ่อนแอ ลางานบ่อย แต่ยังใจแข็งไปทำงาน ซึ่งงานที่สามีทำนั้นต้องใช้พละกำลังมากจนเพื่อนร่วมงานสงสาร หัวหน้างานก็พยายามเปลี่ยนให้ไปอยู่ในแผนกที่สบายขึ้น แต่เนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอมากจากโรคร้าย หัวหน้างานจึงได้เรียกให้ไปเขียนใบลาออกเมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสามีพยายามยื้อเวลาออกไป พยายามปลอบให้สามีทำใจสักระยะหนึ่งค่อยหางานทำใหม่ ขณะเดียวกันเห็นว่าหากปล่อยให้เนิ่นนานไปอาจทำให้สามีต้องออกไปทำงานอีก อยากให้พักผ่อนอยู่กับลูก จึงได้ตัดสินใจไปเขียนใบลาออกให้สามีด้วยตนเองเมื่อวันที่ 23 พ.ค. จากนั้นได้โทรศัพท์บอกกับสามีว่า ไปลาออกให้แล้วจะได้พักผ่อน และขอตัวไปหาลูก พรุ่งนี้เช้ากลับมาหา เมื่อมาถึงห้องได้เคาะเรียก แต่ไม่มีเสียงขานรับ พยายามดันประตู ก็เหมือนมีตัวคนขวางเอาไว้อย่างที่เคยแกล้งกัน เมื่อประตูเปิดออกต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าสามีผูกคอตายแล้ว
          เบื้องต้นจากการสอบสวนสันนิษฐานว่า ผู้ตายคงน้อยใจที่ไม่สามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ จึงได้ตัดสินใจผูกคอตายลาโลกดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำร่างส่งพิสูจน์การตายอีกครั้งที่โรงพยาบาลก่อนมอบให้กับญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา


pageview  1205066    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved